กรองแอร์รถยนต์ (Cabin Air Filter) … ส่วนสำคัญ ที่ไม่ควรละเลยการดูแล
ระบบปรับอากาศในรถยนต์ หลายคนรู้จัก แต่หลายคนก็หลงลืมไปว่ามีส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่เรียกว่า กรองแอร์รถยนต์ (Cabin Air Filter) รวมอยู่ด้วย โดยจะมีหน้าที่หลักๆ ก็คือ “กรองสิ่งสกปรก” ต่างๆ ในอากาศ ภายในห้องโดยสาร ก่อนที่อากาศจะถูกดูดเข้าไปสู่ระบบทำความเย็น เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เข้าไปสะสมอยู่ในคอยล์เย็น จนอาจเป็นเหตุให้คอยล์เย็นถูกกัดกร่อน และเกิดการรั่วซึมได้
ซึ่งด้วยหน้าที่ดังกล่าวทำให้พอใช้งานไปนานๆ สิ่งสกปรกต่างก็จะเกิดการสะสมที่ “แผ่นกรอง” จนทำให้เกิดการอุดตัน หรือการเกิดความชื้นสะสมที่สร้างกลิ่นอับ ไปจนถึงการเพาะเชื้อโรคต่างๆ ขึ้น และทำให้ห้องโดยสารเป็นอะไรที่ไม่น่าอยู่อีกต่อไป เท่านั้นยังไม่พอ เพราะยังส่งผลให้การทำความเย็นไม่เป็นไปตามที่ควร ต่อเนื่องไปจนถึงระบบปรับอากาศ ลามไปยันเครื่องยนต์ให้ทำงานหนัก และซดน้ำมันเชื้อเพลิงมากผิดปกติได้อีกด้วย
ฉะนั้นถ้ายังอยากให้ห้องโดยสารในรถยังคงเป็นสถานที่รื่นรมย์ต่อไป เจ้าของก็ควรใส่ใจดูแล “กรองแอร์รถยนต์” บ้าง เช่น การ “เป่า” ด้วยลม บ้าง แต่การเป่าก็ไม่ควรจะใช้ลมที่แรงเกินไป เพราะด้วยวัสดุของแผ่นกรอง และอายุการใช้งาน อาจทำให้เกิดการฉีดขาดได้
แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักการ “เปลี่ยน” แผ่นกรอง คือ ทางเลือกที่ดีที่สุด แม้อายุการใช้งานส่วนใหญ่จะอยู่ราวๆ 20,000 กม. และคำแนะนำที่ได้รับมาส่วนใหญ่ควรตรวจเช็คที่ราวๆ 1 ปี หรือ 10,000 กม. ก็ตาม แต่ด้วยการใช้งานของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน รวมถึงอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองมากน้อยไม่เท่ากัน
ฉะนั้นเราจึงอยากแนะนำให้เพิ่มความถี่ในการตรวจเช็คมากขึ้นอีกนิดก็ไม่เสียหาย โดยอาจจะเป็นที่ราวๆ 5,000 – 7,000 กม. ลองดูซักครั้ง ถ้ายังไหวก็ใช้งานต่อ แต่ถ้าร่อแร่ก็ควรเบิกของใหม่ใส่ เพราะค่าตัวแผ่นกรงหลักร้อย แลกกับสุขภาพสมาชิกในรถ และอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศที่ยืนยาวขึ้น คือ สิ่งที่เราคิดว่า “คุ้มค่า”ครับ