ประโยชน์ของ “สี” … ที่ไม่ได้มีดีแค่ “สวย”
การเป็นเจ้าของรถซักคัน แน่นอนล่ะว่า คือ การครอบครองระยะยาวสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะงั้นการจะเลือกซื้อทั้งที ก็ต้องพิจารณากันให้ถ้วนถี่ซักนิด ไม่ว่าจะแบรนด์ไหน, รุ่นไหน หรือรุ่นย่อยไหนก็ตาม … ไม่เพียงเท่านั้นเพราะ “สี” ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญต่อการเลือกเป็นเจ้าของ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านเรา ที่นอกจากเรื่องของความ “ชอบ” เป็นประเด็นหลักแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ “ความเชื่อ” ต่างๆ อย่างที่รู้กันว่า “สีถูกโฉลก” จะหนุนนำดวงชะตาผู้เป็นเจ้าของไม่ว่าจะเรื่อง “โชคลาภวาสนา หรือแคล้วคลาดปลอดภัย ที่ตามข่าวก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ ซึ่งเอาเป็นว่า “ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” ล่ะกัน
แต่หากตัดกรณี “ความเชื่อ” ออก และมองลึกลงไปในมุมของวิทยาศาสตร์ล่ะก็ เรื่องของ “สี” มันก็ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องหลักๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็เรื่องของ “ความปลอดภัย” เมื่อใช้งานอยู่บนท้องถนน ด้วยหลักการง่ายๆ ก็คือ “โทนสีสว่าง” ที่ได้เปรียบกว่า “โทนสีเข้ม” ในเรื่องของการมองเห็น
ซึ่งถ้าถามว่าสำคัญอย่างไร ก็ลองนึกภาพตามดูว่า ถ้าเกิดต้องขับขี่ในเวลากลางคืน แล้วใช้รถโทนสีเข้มขับบนถนนมืดๆ ล่ะก็ โอกาสที่เพื่อนร่วมท้องถนนจะมองไม่เห็นจนส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุนั่นก็เป็นไปได้เยอะอยู่ เพราะเอาตรงๆ ว่าแค่ลำพังไฟหน้าปกติอย่างเดียวก็ยิงไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่ไฟสูงช่วย แถมส่องไปก็ไม่ชัดเจนนักเนื่องจากโทนสีเข้ม ทำให้สิ่งเดียวที่สร้างความสว่างจากรถของคุณก็คือ “ไฟส่องสว่าง” แต่กลับกันถ้าเป็นรถโทนสีสว่าง ทันทีที่ไฟจากรถเพื่อนร่วมท้องถนนสาดไป เค้าจะไม่เจอแค่เพียง “ไฟส่องสว่าง” เท่านั้น หากแต่ยังเจอ “สีของตัวรถ” แถมไปด้วยเช่นกัน และมันช่วยให้เพื่อนร่วมท้องถนนสามารถคำนวนระยะห่างได้มีประสิทธิภาพ และช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าอีกด้วย
ดังจะเห็นได้จากรถบริการขนส่งสาธารณะต่างๆ เช่น สายการบินต่างๆ ที่ต่อให้มีสติ๊กเกอร์ทั่วลำ แต่สีพื้นส่วนใหญ่ก็ยังเลือกเป็นสีขาว หรือเอาง่ายๆ ก็ รถ Taxi ในบ้านเรานี่แหละที่ส่วนใหญ่เน้นโทนสีสว่างเป็นหลัก เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนทั้งกลางวัน และกลางคืน
ไม่เพียงแค่เรื่องของความปลอดภัยเท่านั้น แต่ “โทนสีสว่าง” ยังเหมาะสมกับสภาพอากาศในบ้านเราเช่นกัน ด้วยพื้นฐานง่ายๆ ที่หลายคนพอจะรู้ในเรื่องการ “ดูดซับ และคายความร้อน” เปรียบเทียบกันระหว่างโทนสีสว่าง และโทนสีเข้ม ที่ไม่ต่างอะไรกับการใส่เสื้อสีดำ และเสื้อสีขาว ไปเดินกลางแดด เพราะต่อให้หลบเข้าร่มแล้วเราก็ “ผิว” เราก็ยังรู้สึกร้อนต่างกันระหว่างเสื้อ 2 โทนสี ซึ่งหลายคนน่าจะพอนึกออกว่ามันมีผลกระทบที่ส่งต่อมายังวัสดุต่างๆ ภายในรถอย่างไร
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่อง “สี” ก็ยังประเด็นความ “พึงพอใจ” ของหลายๆ คน ที่เราคงไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าแบบไหน “ดี หรือไม่ดี” เพราะนอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาแล้ว “โทนสีสว่าง” ก็มีจุดด้อยกว่า “โทนสีเข้ม” เช่นกัน ทั้งต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรถ แถมความสกปรก หรือความหม่นหมองของสีที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ตลอดจนกรณีการเกิดอุบัติเหตุที่ซ่อมสีกลับมาไม่เหมือนเดิม
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบในการเลือกตัดสินใจ ขึ้นอยู่ที่ว่าเจ้าของรถจะมองประเด็นไหนเป็นหลัก ส่วนเราเองก็แค่อยากชี้แนะว่าเรื่อง “สี” มีข้อดีอย่างไรต่อการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ก็เท่านั้นเองครับ