Test Drive : รีวิว All New Mazda BT-50 กระบะหน้าเก๋ง ดีไซน์หรู ครบเครื่อง
ล่าสุดกับการเผยโฉมของ All New Mazda BT-50 กระบะดีไซน์เก๋ง รุ่นล่าสุดของทางค่าย Mazda ซึ่งครั้งนี้ทาง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ก็ได้จัดการทดลองขับแบบเล็กๆ ก่อนที่จะเปิดตัวจริงในประเทศไทย
สำหรับ All New Mazda BT-50 นั้นใช้หลักการออกแบบ Kodo Design จากการออกแบบรถเก๋งของทางค่าย ผนึกผสานจนมาเป็นรถกระบะที่มีดีไซน์ที่หรูหราและแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกัน
ด้านหน้ามองตรงๆที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อมาสด้าแน่นอน การออกแบบของกระโปรงหน้ามาในลักษณะสูง ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟ LED Daytime พร้อมกระจังหน้าเป็นโครเมี่ยมขนาดใหญ่ ผสานกันชนหน้าทรงสปอร์ต ที่มีไฟหรี่ไฟตัดหมอกแบบ LED
เส้นสายด้านข้างแสดงถึงความหรูหราได้อย่างชัดเจน ด้านท้ายมีไฟท้ายดีไซน์ใหม่ สีขาวแดง โดยใช้ล้ออัลลอยด์สีทูโทนแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 และ ลาย 6 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R17
ภายในใช้คอนโซลหน้าตกแต่งสีดำผสมวัสดุสีเงิน ตัดสีน้ำตาลเข้มและสีดำ มาตรวัดเรืองแสงดีไซน์หรูพร้อมจอแสดงข้อมูลสี MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน หุ้มหนังตัดสีเงิน
ตรงกลางมีจอขนาด 7 นิ้ว และ 9 นิ้ว แบบ HD ที่มีทั้งระบบนำทาง รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพงรอบคัน 8 ลำโพงรวมลำโพงบนหลังคารถ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา และยังมีช่องแอร์ด้านหลัง เบาะนั่งทรงโอบกระชับร่างกาย แบบหนังสีน้ำตาลเข้ม ตัดกับผ้าสีดำทูโทน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ในรุ่นท็อป
เครื่องยนต์มากัน 2 รุ่น ได้แก่ ขนาด 1.9 ลิตร รุ่น RZ4E-TC ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
และ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที รอบ/นาที ที่มีทั้งเกียร์ธรรมดา กับ อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบ ขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐาน ขับเคลี่อน 2 ล้อยกสูง Hi-Racer และขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time ลุยมั่นใจด้วยระบบ Electronic Diff-Lock ระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า
ลองขับแบบ “จิ๊กเดียวจบ”
ในการทดลองขับทั้งในรุ่น 1.9 และ 3.0 ลิตรขับเคลื่อน 4 ล้อ ในสนามทดสอบลับย่านหนองแค ในรุ่น 1.9 S Auto Hi-Racer ยกสูง กำลังเครื่องมีพลังแบบสมตัว กระแทกคันเร่งไม่กระโชกโฮกฮากให้ได้ตกใจ ใครชอบชีวิตแบบไปเรื่อยๆไม่ใจร้อยก็สามารถไปได้อย่างสบายจิตใจ
ส่วนในรุ่น 3.0 SP 4WD Auto แน่นอนในเมื่อมีกำลังมากกว่า ความรุ่นแรงก็สามารถเผยออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนมีอาการดึงให้ได้สัมผัสกันอย่างชัดเจนในตอนจุ่มคันเร่งแบบคิกดาว โดนยผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดทำงานได้นุ่มนวลและต่อเนื่อง
การบังคับควมคุมของระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ที่เป็นแบบไฮดรอลิก มันจะหน่วงๆไม่ค่อยเฉียบคมซักเท่าไหร่ การทำงานของระบบช่วงล่างเป็นปีกนกอิสระสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงสำหรับด้านหน้า และด้านหลังเป็นแหนบรูปครึ่งวงรี โดยในรุ่น 1.9 ขับสองยกสูงนั้น แสดงอาการย้วยบ้างเล็ฏน้อยแต่ยังพอควบคุมได้ในตอนที่เลี้ยวแรงๆ แต่ในรุ่น 3.0 ขับเคลื่อนสี่ล้อจะไม่ย้วยเท่า 1.9
ระบบเบรก ใช้ดิสก์เบรกหน้าขนาด 17 นิ้ว กับด้านหลังใช้ดรัมเบรกขนาด 15 นิ้ว ไม่ได้ลองแบบจริงจังเพราะไม่ได้เบรกอะไรมากมาย แต่ดูๆแล้วน่าจะดีเนื่องจากเป็นจานขนาดใหญ่
สำหรับบการทดสอบในแบบจริงจังนั้น คงต้องรอการเปิดตังอย่างเป็นทางการก่อน แล้วจะมารีวิวกันอีกรอบ