รีวิว New Honda Accord Hybrid 2016 ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ) บนเส้นทาง พัทยา – จันทบุรี – พัทยา รวมระยะทางประมาณ 300 กม.
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่อนหมายเชิญสู่บ้าน iAMCAR เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความล้ำหน้าอีกขั้นจากยนตรกรรม Hybrid รุ่นล่าสุด กับ New Honda Accord Hybrid ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ) ท้าพิสูจน์สมรรถนะบนเส้นทาง พัทยา – จันทบุรี – พัทยา รวมระยะทางประมาณ 300 กม.
New Honda Accord Hybrid
สำหรับ New Honda Accord Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มากับการปรับโฉมเล็กๆ เพื่อเพิ่มความสดใหม่ อาทิ ด้านนอกที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า ซึ่งมาพร้อมไฟ Daytime Running Lights ตลอดจนชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้ารวมถึงกระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเส้นสายสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของโมเดล Hybrid ยนตรกรรมรักษ์โลก นอกจากนี้ก็เพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่
ภายในห้องโดยสาร
ในขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้นยังคงความกว้างขวางที่คุ้นเคย พร้อมด้วยการอัพกรดระบบอำนวยความสะดวกด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น กุญแจรีโมทที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ และเครื่องปรับอากาศ (Engine Remote Start) รวมถึงระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสที่รองรับ Apple CarPlay ซึ่งควบคุมได้จากบนพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ปิดท้ายด้วยความสดใหม่ภายในห้องโดยสารกับเบาะหนังสีน้ำตาลใหม่
เครื่องยนต์
New Accord Hybrid มากับจุดเด่นสำคัญที่ iAMCAR จะได้ทดลองกันในวันนี้ก็คือ “สมรรถนะ” ที่ผ่านการปรุงแต่งความสามารถขึ้นอีกระดับด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัยล่าสุดจากฮอนด้า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) โดยผลิตพละกำลังสูงสุดรวมทั้ง 2 ระบบได้ 215 แรงม้า โดยใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ทำหน้าที่ส่งกำลัง และที่สำคัญ New Accord Hybrid ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ถึง 3 โหมด คือ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ที่สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ต่อเนื่อง และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง, โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) คือ ใช้ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า สุดท้ายคือโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) คือ ใช้เครื่องยนต์ทำงานเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ New Accord Hybrid ยังเพิ่มความสนุกในการขับขี่เข้ามาให้ด้วย Sport Drive Mode ที่สามารถใช้งานได้ด้วยการกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ เพื่อให้ระบบ Sport Hybrid i-MMD ทำหน้าที่มอบสมรรถนะการอันทรงพลังไปพร้อมกับการประหยัดน้ำมัน
เริ่มสตาร์ท
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ iAMCAR เรารับไม้ต่อในเส้นทางขากลับ เริ่มสตาร์ทจากร้านอาหารกลางวัน Peggy’s Cove ซึ่งเป็นร้านอาหาร และรีสอร์ท สไตล์ Fisherman’s Village ริมหาดคุ้งวิมาน มุ่งหน้ากลับที่พัก ณ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล พัทยา เรามุ่งหน้าสู่พัทยาด้วยความเร็วเดินทางปกติ และแอบสูงบ้างนิดๆ แต่เนื่องจากต้องขับตามขบวน ทำให้เราจึงแทบไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้ EV Drive Mode เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ในการขับของทริปนี้เราจึงใช้โหมดที่เหลือเป็นส่วนใหญ่ คือ Hybrid Drive Mode และ Engine Drive Mode ซึ่งหลักการทำงานก็ยังคงคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะ Hybrid Drive Mode ที่สลับกันทำงานกันได้อย่างนุ่มนวลไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้า อีกทั้งเท่าที่สังเกตดูแบตเตอรี่ไฮบริดก็มีอัตราการหมุนเวียนไฟฟ้าที่ดี ทำให้สามรถชาร์จไฟเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนตอบสนองได้อย่างทันใจเมื่อกดคันเร่งลึกๆ เพื่อเรียกกำลังจากทั้ง 2 ระบบขับเคลื่อน ทำให้มีทั้งความมั่นใจ และความประหยัดที่มากขึ้นอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
นอกจากนี้โหมด Sport ของ New Accord Hybrid ยังเป็นอีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจสำหรับคนเท้าหนัก เพราะมันเปลี่ยนบุคคลิกระดับผู้บริหารให้กลายยนตรกรรมที่คล่องตัว และปราดเปรียวได้ไม่ยาก โดยเฉพาะหลังจากที่เราทานมื้อเที่ยงสุดอร่อยซะอิ่มจนแทบจะหลับ การปรับบุคคลิกของ New Accord Hybrid ด้วยโหมด Sport ดูจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความฉับไวของการตอบสนอง ที่นำพายนตรกรรมขนาดกลางเคลื่อนที่ได้ดั่งใจสั่งตามน้ำหนักเท้า ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองลดหลั่นไปตามความเร็วที่ใช้ แต่เมื่อมองจากภาพรวมของการใช้งานเป็นหลักแล้ว New Accord Hybrid ก็ยังสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ในระดับที่น่าพอใจ
นอกจากสมรรถนะที่น่าประทับใจแล้ว New Accord Hybrid ยังมาพร้อมกับการยกระดับความปลอดภัยขึ้นด้วยเช่นกัน กับเทคโนโลยี Honda SENSING ที่ผสานการทำงานกับทั้งเรดาร์ และกล้องด้านหน้า เพื่อตรวจจับ และแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรือช่วยควบคุมรถด้วย 4 ระบบใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งมาให้เพิ่มเติมจากระบบความปลอดภัยพื้นฐาน คือ
ระบบควบคุม และปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน – Adaptive Cruise Control (ACC) ที่จะทำการตรวจจับระยะห่าง และความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าอย่างเหมาะสมตลอดเวลา
ระบบเตือนการชนด้านหน้า และตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้อง และเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก – Collision Mitigation Braking System (CMBS) โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูล, สัญญาณเสียง และการสั่นเตือนของพวงมาลัย ซึ่งในกรณีรถสวนทาง หากรถยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ระบบ CMBS ยังได้รับการพัฒนาให้สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย
ระบบแจ้งเตือน และช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ – Lane Keeping Assist System (LKAS) โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา สุดท้ายคือ
ระบบแจ้งเตือน และช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) ซึ่งเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมกับสั่นเตือนที่พวงมาลัย โดยในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง และถ้าหากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
และด้วยองค์ประกอบทั้งหมดของ New Accord Hybrid ตั้งแต่การเพิ่มความสดใหม่ให้รูปลักษณ์ รวมถึงสมรรถนะที่น่าประทับใจ และครอบคุลมในทุกด้านของการใช้งาน ตลอดจนการยกระดับความปลอดภัยด้วยเทคโลยีล้ำสมัยที่เพิ่มขึ้นมานั้น ทำให้เรากล้าบอกเลยว่า “ความคุ้มค่า” อยู่ตรงหน้าคุณแล้วกับ New Accord Hybrid ทั้ง 2 รุ่น
โดยรุ่นเริ่มต้นราคา 1,659,000 บาท และรุ่นท็อปกับ New Accord Hybrid Tech ราคา 1,849,000 บาท
บทความที่เกี่ยวข้อง
ฮอนด้าจัดกิจกรรม The Perfect Experience with New Accord Hybrid
ฮอนด้า จัดกิจกรรม New Honda Accord Hybrid Exclusive Rally
ฮอนด้า เปิดตัว New Honda Accord Hybrid 2016