รีวิว : New LEXUS ES300h ” ทดสอบนิว เลกซัส อี เอส 300 เอช “
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ เลกซัส กรุ๊ป จัดการทดสอบ New LEXUS ES300h ” นิว เลกซัส อี เอส 300 เอช ” รุ่นล่าสุด เพื่อพิสูจน์ความหรูหรา ที่มาพร้อมขุมพลังไฮบริด เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร
New LEXUS ES300h
กิจกรรมในครั้งนี้ เริ่มต้นช่วงเช้าที่ห้องประชุมของโตโยต้า ชั้น 41 ของตึกออลซีซั่นเพลส โดยได้รับเกียรติจาก คุณประพันธ์ จันทร์วัฒนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน และบรรยายรายละเอียดผลิตภัณฑ์โดย คุณวัฒนา ศรีศุภโอฬาร หัวหน้างานอาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แต่ก่อนจะออกไปทดลองขับ ผมขอแนะนำ New LEXUS ES300h “นิว เลกซัส อี เอส 300 เอช” ให้รู้จักกันก่อน รถคันนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นซีดานสุดหรู ที่โดดเด่น สง่างาม ล้ำสมัย แฝงไว้ซึ่งความสปอร์ตเร้าใจที่ได้รับการออกแบบที่ผสมผสานหลักทางสรีรศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างลงตัว เน้นสมรรถนะในการขับขี่และความสะดวกสบายไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญยังคงโดดเด่นด้วยขุมพลัง Full Hybrid ที่มีชื่อเสียงมานานของค่ายนี้
ภายนอก
มองจากภายนอก New LEXUS ES300h “นิว เลกซัส อี เอส 300 เอช” มาในแบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยว หรูหราด้วย Spindle Grille สัญลักษณ์แห่งความดุดัน ให้ความโดดเด่นเหนือใคร Daytime Running Lights รูปแบบโฉบเฉี่ยวในสไตล์หัวลูกศร ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟหน้า High Intensity Discharge (HID) ปรับระดับความสูงของไฟต่ำอัตโนมัติ Auto Wiper ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติที่ตรวจจับระดับน้ำฝนบนกระจก เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ขณะฝนตก Stabilizer Fin ช่วยจัดระเบียบการไหลของลม เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ให้มั่นคงมากขึ้น พร้อมลดเสียงลมปะทะ
ภายใน
ภายในมีความทันสมัย ใช้งานสะดวกสบายด้วย Cabin Spaciousness มิติห้องโดยสารที่มีสัดส่วนความยาวเป็นพิเศษ จากการออกแบบของฐานล้อที่ยาวขึ้น 45 มม. ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง โอ่โถง โดยเบาะด้านหน้ามีความยาวเพิ่มขึ้น 30 มม. และพื้นที่โดยสารด้านหลังตรงช่วงเข่ามีขนาดกว้างขึ้น 60 มม. ช่วยลดความเมื่อยล้าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารแม้เดินทางไกล นอกจากนี้เบาะหน้าสามารถปรับให้ต่ำลงได้อีก 15 มม. ส่งผลให้พื้นที่เหนือศรีษะเพิ่มขึ้น ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งสบาย Ambient Light ไฟแสงสว่างที่คอนโซลและแผงประตูหน้า สะท้อนควาหรูหราอย่างแท้จริง หน้าจอ Electro Multi-Vision (EMV) พร้อม ระบบ Navigation System จอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว ที่ให้รายละเอียดภาพคมชัด รองรับแผนที่ ข้อมูลการจราจร และความบันเทิงเต็มรูปแบบ Remote Touch Interface (RTI) ควบคุมการสั่งงานภายในรถ ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เบาะหนัง Semi-Aniline เบาะหนังแท้พิเศษ เอกลักษณ์แห่งความสปอร์ตหรู Memory Seat ในเบาะคู่หน้า จดจำตำแหน่งการปรับเบาะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อความสะดวกสบาย Rear Seat Controller แผงควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ภายในรถ บริเวณที่พักวางแขนตรงกลางด้านหลังม่านประตูหลัง หรูหรา และให้ความเป็นส่วนตัว ปุ่มกดปิด ฝาท้ายไฟฟ้าสะดวกสบาย และปลอดภัย
ขุมพลัง
ขุมพลังขับเคลื่อนในระบบ Full Hybrid ระบบขับเคลื่อนที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังรวมทั้งระบบ 205 แรงม้า และอัตราเร่งที่ 0-100 กม/ชม. ใน 8.5 วินาที พร้อมมาตรฐาน ยูโร 5 รูปแบบการขับขี่ ที่เลือกปรับได้ 4 โหมด คือโหมด EV สำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้ความเงียบสงบในทุกการขับเคลื่อน โหมด Eco สำหรับความประหยัด โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบปกติ และโหมด Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ
ความปลอดภัย
ด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร เสริมถุงลมเพิ่มความปลอดภัย 10 ตำแหน่ง ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าจะได้รับการปกป้องจากถุงลมนิรภัยแบบ Dual-stage SRS ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่าและถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง และถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง นอกจากนี้ยังมีม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหน้าต่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
Full Hybrid
เมื่อเริ่มออกเดินทาง ระบบแรกที่มาให้เราสัมผัส คือ Full Hybrid เนื่องจากรถติดพอสมควร การทำงานในระบบนี้ แน่นอนครับต้องวัดกันที่ความอึดของแบตเตอรี่ ซึ่งจะใช้ได้ยาวนานขนาดไหน สำหรับ New LEXUS ES300h “นิว เลกซัส อี เอส 300 เอช” ถือว่าสอบผ่าน เนื่องจากมีการจัดการระบบไฟฟ้าภายในรถมาอย่างดี ระบบปรับอากาศยังเย็นช่ำเช่นเดิม เพลงยังบรรเลงเพราะพริ้ง ระบบ Navigation จอยังสว่างดี ซึ่งจะไม่เสียค่าน้ำมันเลยแม้แต่บาทเดียว ในเวลารถติดไฟแดง และเมื่อเวลาสตาร์ทรถและระบบ Auto ทำงาน เมื่อจะขับขี่ต่อก็ไม่กระชากให้เสียอารมณ์ เหมือนรถไฮบริดรุ่นเก่าๆ พอในช่วงถนนโล่งๆ ลองใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 120 กม./ชม. ดู ก็ต้องแปลกใจกับรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำมากๆ เพียง 1,750 รอบ/นาที ซึ่งสะท้อนให้เราเห็นเลยว่าการเดินทางไกลๆ ในความเร็วประมาณนี้ประหยัดน้ำมันสุดๆ แน่นอน ซึ่งจากที่โรงงานแจ้งมาก็น่าตกใจพอสมควร เนื่องจากรถไซด์ขนาดนี้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 21.8 กม./ลิตร ส่วนในเรื่องอัตราเร่งที่วิ่งพุ่งพล่านเมื่อคุณใช้ Sport โหมด อึดใจเดียวก็ 180 กม./ชม. แบบสบายๆ
แต่ความประทับใจของผมคงต้องยกให้ในการดีไซน์ ที่ผสมผสานความคลาสสิกทันสมัย หรูหรา และการใช้งานที่สะดวก ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความกว้างขวาง การเก็บเสียงในห้องโดยสารชั้นเลิศ จึงทำให้ผมรู้สึกเพลินในการขับรถคันนี้แม้ระยะทางจะไกลก็ตาม อีกส่วนที่ช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นในการเดินทาง คือ ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวล ควบคุมง่าย แม้จะอยู่ในความเร็วสูง
ราคารถยนต์ใหม่
สนนราคาแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยตามการตกแต่ง Luxury ราคาอยู่ที่ 3.49 ล้านบาท และ Premium ราคา 3.89 ล้านบาทนะครับ ใครสนใจแนะนำไปชมกันได้ที่โชว์รูม LEXUS ครับ
บทความแนะนำ
The New Lexus ES300h “The Peak of Luxury” ก้าวข้ามทุกความหรูหราที่เคยสัมผัส