รีวิว : New SUZUKI Swift ECO ( ซูซูกิ สวิฟท์ ) เส้นทางกรุงเทพฯ – ปราณบุรี

โพสต์เมื่อ 28th กุมภาพันธ์ 2012 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซุ้มเงียบตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ภายใต้มาตรฐานระดับโลก ย่านชานเมืองกรุงเทพฯ โดยส่งน้องใหม่หัวใจ ECO เข้าไลน์ผลิตเป็นตัวแรก ภายใต้ชื่อ New SUZUKI Swift ECO ( ซูซูกิ สวิฟท์ ) พร้อมยกมาตรฐานโชว์รูมใหม่ทั้งหมด และเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงสมรรถนะของ New SUZUKI Swift ECO จึงจัดกิจกรรมการทดสอบเส้นทางกรุงเทพฯ – ปราณบุรี ให้สื่อมวลชนได้พิสูจน์กัน

 

New SUZUKI Swift ECO

กิจกรรมนี้เริ่มสตาร์ทกันที่โรงแรม ดิ เอทัส ลุมพินี โฮเทล เพื่อฟังบรรยายเกี่ยวกับ New SUZUKI Swift ECO เริ่มจากฐานล้อมีขนาดกว้างขึ้น มิติตัวรถกว้างขึ้นเป็น 1,695 มม. ความยาวขยับขึ้นเป็น 3,850 มม. ตัวถังเสริมความแข็งแรงทั้งหน้า-หลัง เพื่อความปลอดภัยจากการชนมากขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ทั้งกันชนหน้า ไฟหน้า กันชนท้าย ไฟท้าย ซึ่งเพิ่มความหรูหราขึ้น การดีไชน์ภายในลงตัวมาก วัสดุที่นำมาผลิตก็อยู่ในเกรดดี ออฟชั่นจัดเต็ม พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับได้ 4 ทิศทาง, ระบบปรับอากาศดิจิตอล, สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, เครื่องเสียง 2 DIN MP3 CD USB รองรับ iPod และ iPhone ส่วนมาตรวัดดีไซน์ด้วยวงกลมสีโครเมี่ยม พร้อมจอแสดงผลที่สามารถเป็นได้ทั้งนาฬิกาดิจิตอล, มาตรวัดอุณหภูมิภายนอก, มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง, มาตรวัดระยะเดินทาง, ระบบแสดงตำแหน่งเกียร์ CVT, มาตรวัดระยะทางในแต่ละทริป และมาตรวัดค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันต่อระยะทาง ออฟชั่นนี้จะมีมาครบเฉพาะตัว TOP รุ่นรองๆ ก็ลดหลั่นกันลงไป

เครื่องยนต์

เรื่องของเครื่องยนต์ผ่านกฎหมาย ECO Car ไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยเครื่องยนต์รหัส K12B แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งด้านไอดี-ไอเสีย (Dual VVT) ความจุกระบอกสูบ 1,242 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 มม. x 74.2 มม. ตัวลูกสูบเคลือบสารลดความฝืด (Dry Film Coating) เพื่อลดความสึกหรอของลูกสูบ อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 ระบบจุดระเบิดแบบคอยล์แยก ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดมัลติพอยท์ MPI ซึ่งสามารถฉีดน้ำมันได้เป็นฝอย ทำให้การเผาไหม้รวดเร็วและสมบรูณ์ และยังรองรับแก๊สโซฮอล E 20 โดยให้กำลังสูงสุดที่ 91  แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 188 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT และเกียร์ธรรมดา ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร

ระบบช่วงล่าง

ระบบช่วงล่างยังใช้พื้นฐานเดิมด้านหน้าเป็นแม็คฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมที่ใช้วัสุดที่แข็งแรงขึ้นแต่น้ำหนักเบากว่าเดิม พร้อมคอยล์สปริงที่ปรับปรุงให้สามารถลดแรงสะเทือนลง 25 เปอร์เซ็นต์   ส่วนการแบ่งรุ่นมีทั้งหมด 5 รุ่น คือ GA เกียร์ธรรมดา, GA เกียร์อัตโนมัติ CVT, GL เกียร์ธรรมดา, GL เกียร์อัตโนมัติ CVT และ GLX  เกียร์อัตโนมัติ CVT  (เป็นตัว  TOP)

เดินทางกับ…Eco ตัวล่าสุด

เส้นทางการทดสอบถูกวางไว้แบบไม่เหมาะกับ ECO Car เลย ทั้งไฮเวย์ความเร็วสูง โค้งขึ้นลงเขา แต่พอได้ฟังจากฝ่าย Product SUZUKI ว่า New SUZUKI Swift ECO ไม่ใช่ Eco Car ที่สามารถวิ่งได้ดีเฉพาะในเมืองเท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้งานในการเดินทางต่างจังหวัดได้อย่างดีด้วย ผมขับรุ่น GLX ตัว TOP สุดก่อน ในระยะทางช่วงแรกบนถนนเพชรเกษมรถหนาแน่นเราใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 90-100 กม./ชม. ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันทำได้ประมาณ 18 กม./ลิตร  ช่วงที่สองถนนโล่งมาขึ้นและผมก็เปลี่ยนรถเป็นรุ่น GL เกียร์ CVT และเพิ่มความเร็วเฉลี่ยเป็น 120-130 กม./ชม. ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ 16 กม./ลิตร (ดูค่าเฉลี่ยจากจอแสดงผล)

ระบบส่งกำลัง

เรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์บล็อคนี้ เมื่อทำงานกับระบบส่งกำลัง CVT ถือว่าเป็นน้องใหม่มาแรงใน ECO Car ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดเมืองไทย ความเร็วจาก 0-140 กม./ชม. ไหลขึ้นแบบต่อเนื่องขับสนุกทีเดียว ซึ่งกดคันเร่งไฟฟ้าแบบจมเท้า เพื่อตามหาความเร็วสูงสุดจากความเร็ว 140 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 2 กม.กว่าๆ ก็จะไปสุดที่ 170 กม./ชม. ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที มาทดสอบต่อในเรื่องของการควบคุมและระบบช่วงล่าง จากการผ่านมาสารพัดโค้ง การตอบสนองของพวงมาลัยมีช่วงฟรีเล็กน้อย การเข้าโค้งต่างๆ ที่ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม.อยู่ในระดับที่วางใจได้ การทรงตัวทางตรงนิ่งดีครับ โดยรวมแล้วเป็น ECO Car ที่มีสมรรถนะการตอบสนองดีทุกๆ ด้าน ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าค่ายยักษ์ใหญ่เลยครับ

    สุดท้ายขอบคุณ  บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เราได้ร่วมทริปดีๆ แบบนี้ครับ เนื่องจากรถยังไม่เปิดตัวราคาจึงยังไม่ออกมาแบบเป็นทางการ แต่ไม่แพงกว่าคู่แข่งแน่ๆ เดี๋ยวผมจะนำ New SUZUKI Swift ECO ตัวนี้มาเจาะลึกกันให้ชมอีกครั้งครับ