รีวิว : NISSAN March ( นิสสัน มาร์ช ) ท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองภูเก็ต ไข่มุกอันดามันของเมืองไทย
ในที่สุด ECO CAR ก็มาให้เราชาวไทยได้สัมผัสกันซักที หลังจากมีข่าวมายาวนาน ว่าค่ายนั้น ค่ายนี้จะนำเข้ามา แต่ในที่สุด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด นำ New NISSAN March ( นิสสัน มาร์ช ) ที่มีฐานผลิตอยู่ที่เมืองไทย เปิดตัวออกมาก่อนใคร เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ขนาดคอมแพค โดยจัดให้ผู้สื่อข่าวชาวไทยและต่างประเทศได้ทดลองขับ New NISSAN March ( นิสสัน มาร์ช ) เป็นครั้งแรก ท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองภูเก็ต ไข่มุกอันดามันของเมืองไทย
NISSAN March
กลุ่มแรกที่ได้สัมผัส
เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของ iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE ที่ได้ร่วมการทดสอบ New NISSAN March เป็นกลุ่มแรก ก่อนนักข่าวทั่วโลก การทดสอบในครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อ 21 เมษายน 2553 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยใช้เส้นทางรอบเมืองและในตัวเมือง ระยะทางรวม 150 กม. ก่อนที่เราจะไปเริ่มทดสอบ ก็มาร่วมฟังบรรยายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กันก่อน New NISSAN March เป็นอีโค-คาร์ รุ่นแรกของเมืองไทยและได้รับรางวัล “MOST ENVIRONMENTALLY FRIENDLY CAR OF THE YEAR” มียอดจำหน่ายกว่า 8,000 คันในช่วงเดือนแรกของการเปิดตัว New NISSAN March เป็นรถ อีโค-คาร์ ที่เหมาะกับผู้ที่ใช้รถในทุกๆ วัน จากการที่มีจุดเด่นในด้านการประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ตัวเล็ก ภายในกว้าง เครื่องแรง เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
ด้วยการออกแบบได้อย่างทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เส้นสายของกระจกหน้าต่างที่โค้งมน หลายๆ ส่วนมีความโดดเด่นและน่าหลงใหล มิติตัวรถจะมีความยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และตัวรถเตี้ยลง ในขณะเดียวกันจะมีฐานล้อที่ยาวขึ้นโดยล้อทั้งสี่จะวางในตำแหน่งของมุมรถแต่ละด้าน นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้รถ NISSAN March มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง โดยที่ภายนอกมีการออกแบบที่สอดคล้องไปกับการตกแต่งภายในรถ แผงหน้าปัดมีรูปทรงโค้งต่อเนื่องเพื่อติดตั้งมาตรวัดคู่อยู่ภายในที่เข้ากันกับกล่องเก็บสัมภาระขนาดเล็กด้านข้างผู้โดยสาร
เครื่องยนต์
ส่วนเครื่องยนต์เป็นเบนซินรหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับ HR16 4 สูบ ซึ่งติดตั้งในรถทีด้า เครื่องยนต์ตัวนี้ติดตั้งระบบควบคุมการทำงานของวาล์วอัตโนมัติหรือ CONTINUOUSLY VALVE-TIMING CONTROL (CVTC) ให้กำลัง 59 กิโลวัตต์ (79 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร) โดยมีปริมาณไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่เพียง 120 กรัม/กม. ซึ่งเป็นมาตรฐานในระดับโลก
ระบบส่งกำลัง
มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ XTRONIC CONTINUOUSLY VARIABLE (XTRONIC CVT) สำหรับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เพื่อจุดประสงค์ในเรื่องความประหยัดน้ำมันและการมีอัตราเร่งที่ดี
เริ่มทดสอบกับเกียรธรรมดา
หลังจากที่ฟังบรรยายถึงตัว New NISSAN March แล้วเราก็เริ่มต้นเดินทาง โดยในช่วงแรกเราได้ทดสอบตัวเกียร์ธรรมดา ก่อนจะไปขับ ผมเริ่มสังเกตุเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก การออกแบบโดยรวมลงตัวดีนะครับ แต่พอลองเข้ามานั่งภายในห้องโดยสาร โดยผมทดลองนั่งที่เบาะหลังก่อน เพราะผมคิดว่าต้องติดขาผมแน่ๆ (ผมสูง 180 ซม. หนัก 78 กม.) เพราะดูจากภายนอกรถคันเล็กนิดเดียว แต่ต้องพบกับความประหลาดใจคือนั่งได้สบายครับ ไม่ติดขาเลย ทีนี้ลองมาดูที่เบาะคนขับบ้าง ถือว่ากระชับไม่รู้สึกอึดอัด แต่เวลาปรับเบาะยากไปนิดเพราะอยู่ลึกมาก พวงมาลัยเป็นแบบสามก้านกระชับมือทีเดียว อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก แต่ในตัวนี้ระบบปรับอากาศยังเป็นปุ่มหมุนปกติ ไม่ใช่แบบอัตโนมัติ แต่ก็ใช้งานสะดวก ส่วนตำแหน่งของเกียร์ก็ใช้ง่าย ยิ่งเรื่องความแข็งของคลัทช์ที่สาวๆ กังวลว่าจะแข็ง ใช้งานรถติดๆ ต้องเมื่อยแน่ อันนี้รับรองนิ่มนวลครับ แทบจะไม่ต้องออกแรงในการเหยียบเลยทีเดียว
ในช่วงแรกเป็นการขับในเมืองส่วนและซอยเล็กๆ เพื่อให้เราทราบถึงความคล่องตัวของรถ ด้วยตัวรถขนาดเล็กทำให้มีความคล่องตัวสูง การควบคุมง่าย ทัศนะวิสัยก็ชัดเจน เราลัดเลาะในเมืองไปจนถึง “พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว” ตั้งอยู่ถนนกระบี่ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ภายในเป็นห้องนิทรรศการภาพแสดงความเป็นมาของชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ภูเก็ต
จากนั้นเดินทางต่อ เป็นช่วงที่สองเราเริ่มทดสอบในส่วนของพละกำลังของเครื่องยนต์ Nissan March แม้จะเป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ ความจุกระบอกสูบเพียง 1.2 ลิตร แต่พอได้สัมผัสความแรง ต้องบอกว่าแรงแพ้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร ไม่มากนักครับ เรียกได้ว่าเกินที่ผมคาดการณ์ไว้ก่อนลองขับจริงเยอะเลยครับ ยิ่งเป็นในเมืองด้วยแล้วเพียงพอแน่ๆ
อิ่มแล้วสลับรถเป็นเกียร์ CVT
หลังจากนั้นก็รับประทานอาหาร แล้วก็สลับรถมาขับในรุ่นเกียร์ CVT ซึ่งอุปกรณ์ภายในก็หรูหราขึ้นมาอีกระดับ ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ความลงตัวของคอนโซลหน้าช่วงตรงกลางดูลงตัวมากขึ้น ทีนี้มาลองขับกันต่อเส้นทางที่เหลือจะเป็นทางโค้งเยอะมากๆ ทำให้เราได้ทดสอบในส่วนของช่วงล่างเป็นหลัก การทรงตัวในทางตรงถือว่าดี แม้ผมจะวิ่งด้วยความเร็ว 150 กม./ชม. ก็ยังรู้สึกสบายๆ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนรถเล็กทั่วไป
ยิ่งในช่วงทางโค้งผมก็ใช้ความเร็วที่สูงพอสมควร ในความรู้สึกผมไว้ใจได้ครับ พวงมาลัยตอบสนองการบังคับได้ดีทีเดียว คราวนี้ลองมาดูเรื่องของระบบเกียร์ CVT บ้างเพราะเป็นความภูมิใจของ NISSAN เลยทีเดียว ความต่อเนื่องของเกียร์ทำได้ดี นิ่มนวล ราบเรียบ ไปเรื่อยๆ ไม่รู้สึกสะดุดอะไร และเมื่อมาผสมกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร
สำหรับนำมาใช้งานในเมืองคือว่าลงตัว ส่วนในเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันผมดูแต่ที่มาตราวัดจึงไม่มีตัวเลขที่แน่นอนมาให้ มองดูประมาณคร่าวๆ เกิน 17 กม./ลิตร แน่ๆ (อัตราบริโภคเชื้อเพลิงขอติดเอาไว้ตอนเ TEST เดี่่ยวนะครับ)
หลังจากที่ทดสอบเสร็จเราก็ได้ Meeting เล็กๆ กับวิศวกรชาวญี่ปุ่น ซึ่งให้ความมั่นใจกับเรามากขึ้นว่า แม้ไลน์ผลิตจะอยู่ที่เมืองไทย แต่วิศวกรระดับหัวกะทิของ NISSAN จากประเทศญี่ปุ่น ได้มาควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด เพื่อให้ออกมาดีที่สุด เพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกทั่วโลก
ส่งท้ายกับทริปทดสอบรถ NISSAN March ในความรู้สึกผม ราคาเริ่มต้น 375,000 บาท มันคุ้มตั้งแต่ได้รถใหม่ป้ายแดงแล้วครับ แต่พอได้สัมผัสทดลองขับแล้ว ให้ความรู้สึกคุ้มค่าเกินที่ผมคิดไว้ครับ
ขอบพระคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้โอกาส iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE ได้สัมผัสยนตกรรมดี…ดีแบบนี้ครับ
สามารถอ่านได้แบบเต็มรูปแบบใน iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE Issue 19 วันที่ 15-05-2010
https://www.youtube.com/watch?v=k97b_Al1gUU
บทความแนะนำ
Nissan Note กับ 5 จุดเด่น สร้างความ “ฟิน” ที่ยั่วให้อยากเป็นเจ้าของ
Nissan GT Academy Thailand Season 3 สานฝัน สู่ค่ายฝึกนักแข่งรถของนิสสัน ที่อังกฤษ