รีวิว : New TOYOTA Fortuner ( โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ) บนเส้นทางกระบี่ – เกาะสมุย เพราะความมั่นใจในสมรรถนะใหม่
ไม่รอช้าสำหรับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยที่ส่ง New TOYOTA Fortuner ( โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ) เวอร์ชั่นปี 2012 ให้สื่อมวลชนสายรถยนต์ ทำการทดสอบบนเส้นทางกระบี่ – เกาะสมุย เพราะความมั่นใจในสมรรถนะใหม่ ที่ปรับปรุงและพัฒนามาทั้งรูปลักษณ์ภายใน-ภายนอกที่ดูแข็งแกร่งบวกกับเครื่องยนต์ที่เน้นความประหยัดและช่วงล่างที่นิ่มนวลมากขึ้น และระบบเบรคที่หยุดได้ดั่งใจ แต่จะดีอย่างที่ว่าหรือไม่ตามผมไปพิสูจน์กันครับ
New TOYOTA Fortuner
การทดสอบครั้งนี้ เริ่มกันตั้งแต่เช้าตรู่เช่นเคย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางสู่จังหวัดกระบี่อย่างรวดเร็ว หลังจากลงสู่สนามบินกระบี่ สื่อมวลชนทุกท่านพร้อมกันที่ห้องบรรยาย เพื่อฟังข้อมูล New TOYOTA Fortuner โดยมีคุณบุญชวน วิภูษณวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มากล่าวต้อนรับ ต่อด้วยการบรรยายสรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์โดย คุณประภาวุฒิ นาควิเชตร ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์มาบรรยายให้คณะสื่อมวลชนทุกคน
ได้รับทราบถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่นี้
การ Minor Change
การ Minor Change ในครั้งนี้มีอยู่หลายจุดด้วยกัน เริ่มจากภายนอก กันชนหน้า-หลังใหม่ที่เป็นเหลี่ยมมากขึ้น เพื่อให้ดูแล้วแข็งแกร่ง กระจังหน้าสุดหรูแบบโครเมียม และโป่งล้อ (Over Fender) ที่ปรับเส้นสายให้โค้งมนคล้าย SUV ตัวหรูของค่าย กระจกมองข้างไฟฟ้านอกจากดีไซน์ใหม่แล้ว ยังมีไฟเลี้ยวในตัวด้วย
ส่วนไฟหน้าเป็นแบบโปรเจ็คเตอร์ที่ดีไซน์ให้ดูเป็นอัญมณีชั้นเลิศพร้อมทัศนวิสัยยามค่ำคืนที่ดีขึ้นแล้ว ยังมี โคมไฟท้ายแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ที่ดูคล้ายซ่อนอัญมณีสีแดงไว้ข้างใน ซึ่งนอกจากดูหรูหราแล้วยังสามารถให้รถคันหลังที่ตามมามองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม และสุดท้ายของภายนอกคือล้อแม็กอัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วที่รัดไว้ด้วยยาง 265/65 R17 ส่วนสีที่มีมาให้เลือกก็มี White Pearl (เฉพาะ 3.0V), Dark Steel และ Silky Gold Mica Metallic
ภายใน
ส่วนภายในปรับปรุงตั้งแต่พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ แบบ Multi-function ที่ให้ความหรูหรา สะดวกสบาย ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส แผงคอนโซลหน้าและกลาง ดีไซน์ใหม่ พร้อมลายไม้ (ในรุ่น3.0V และ 2.7V) และแบบเมทัลลิก (ในรุ่น2.5G) เบาะผ้าลายใหม่สี 2 โทน (เฉพาะรุ่น2.5G) ที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย แผงประตูข้างแบบ 2 โทน ดูสวยงาม ให้อารมณ์ความหรู หัวเกียร์ลายไม้ใหม่ ดีไซน์สวยงาม (ในรุ่น3.0V และ 2.7V) ลูกบิดปรับอุณหภูมิแอร์ ดีไซน์ใหม่ โดดเด่นทันสมัย ตอบรับกับคอนโซลดีไซน์ใหม่ (เฉพาะรุ่น2.5 G) ที่เก็บแว่นตา / ไฟส่องแผนที่ ที่ดีไซน์ใหม่ แบนเรียบกับเพดานหลังคา ดูสบายตา ใช้งานสะดวก ส่วนระบบเครื่องเสียงแบบ ขนาด 2 Din* สามารถเล่นวิทยุ ซีดี ดีวีดี พร้อมระบบ MP3 / WMA และลำโพง 6 ทิศทาง พร้อมระบบ ASL ปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ เพิ่มช่องทางความบันเทิงให้มากขึ้นด้วย ช่องต่อ USB / AUX (ยกเว้นในรุ่น 3.0V Navi) ในรุ่น 3.0V Navigator เป็นเครื่องเล่นแบบ 1DVD พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.5” ในรุ่น 3.0V และ 2.7V เป็นเครื่องเล่นแบบ 1DVD พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1” ในรุ่น 2.5G เป็นเครื่องเล่นแบบ 1CD ระบบนำทาง Navigator สะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการค้นหาสถานที่ – แนะนำเส้นทาง – ที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ พร้อมเมนูบนจอแสดงภาพแบบ Touch-screen (เฉพาะในรุ่น 3.0V Navigator) ระบบเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ให้ความสะดวกสบาย และปลอดภัยในการขับขี่ยิ่งขึ้น เชื่อมต่อระบบ Hand free ของโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การสนทนา และควบคุมโทรศัพท์เป็นไปอย่างง่ายดาย และปลอดภัยในการขับขี่ ผ่านเครื่องเสียงได้แบบ Hand-free (เฉพาะในรุ่น3.0V และ2.7V )
เครื่องยนต์
นอกจากนั้นเป็นส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลทั้ง 2.5 L และ 3.0 L ที่เพิ่มระบบ Diamond Tech เข้ามา ซึ่งแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วนคือ กล่องคอมพิวเตอร์แบบ 32 บิทที่ทำหน้าที่สั่งจ่ายน้ำมันแบบแม่นยำ ช่วยให้มีความแรงแบบต่อเนื่องและประหยัดน้ำมันขึ้น ต่อมาเป็นหัวฉีดที่มีความละเอียดฉีดน้ำมันเป็นฟอยมากขึ้น ทำให้การเผาไหม้หมดจดมากขึ้น และด้วยการเคลือบสารพิเศษ “Diamond liked Carbon Coating” ภายในเข็มหัวฉีด ช่วยให้จ่ายน้ำมันคล่องขึ้น ลดการเกาะตัวของคราบเขม่า และ VN Turbo ที่สามารถควบคุมครีบปรับแรงดันด้วยกล่อง ECU ส่วนสุดท้ายที่พัฒนาให้ดีขึ้นอีกคือ ระบบเบรค
อัตราเร่ง
หลังจากฟังบรรยายสรุปเสร็จสิ้น New TOYOTA Fortuner ก็จอดรอคณะสื่อมวลชนทั้งหมด 10 คัน โดย iAMCAR ได้ขับรุ่น TOP ที่สุดคือ 3.0 Navi 4WD โดยผมลงมือทดสอบเป็นท่านแรกใช้ระยะทาง 88 กม. ใช้เส้นทาง Southern Seaboard เริ่มต้นการเดินทางต้องบอกว่าทัศนวิสัยของอากาศค่อนข้างแย่ ฝนตกหนักมาก เส้นทางที่ผมขับทดสอบจะเป็นทางตรงอย่างเดียว ผมจึงทดสอบเรื่องอัตราเร่งก่อนต้องบอกว่าอารมณ์ของการขับขี่ที่เคยดุดันของเครื่องยนต์ตัวเดิมหายไป แต่อัตราเร่งขึ้นมาแบบต่อเนื่อง ไหลลื่น รวดเร็ว กดคันเร่งลงไปอึดใจเดียว เข็มไมล์ก็ไปอยู่ที่ 170 กม./ชม. แบบไม่ยากแล้ว แถมยังเหลือให้ความเร็วไหลไปได้อีก แต่ด้วยฝนตกหนักมากผมจึงลดความเร็วลง ส่วนระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 4 สปีด ที่ทำงานคู่กับ เฟืองท้ายกลางลิมิเต็ดสลิปแบบ TORSEN ทำงานได้ต่อเนื่องนิ่มนวลและสามารถจับแรงม้าลงสู่ล้อได้ดี โดยไม่เสียกำลังจากเครื่องยนต์เลยทีเดียว ทำให้อัตราการเร่งแซงทำได้ดี ในส่วนทางแบบ Off Road จะสามารถถ่ายทอดแรงบิดได้ดี สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ เช่นหลุม บ่อ ดินโคลนได้ง่ายขึ้น
ระบบช่วงล่าง
เรื่องทัศนวิสัยการขับขี่ด้านหน้า – หลังชัดเจน จุดบอดของกระจกมองข้างมีน้อย เนื่องจากการดีไซน์กระจกมองข้างที่ใหญ่ ส่วนการควบคุมพวงมาลัยถือว่าคมกริบไปในทิศทางตามใจสั่ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่หนักขึ้นเล็กน้อย ระบบช่วงล่างนอกจากที่จะเกาะถนน ทรงตัวดีในช่วงความเร็วสูงแล้ว ยังนิ่มนวลขึ้นด้วย อีกจุดที่ต้องพิสูจน์คือระบบเบรคครับ เพราะมีการปรับปรุงมาใหม่ ซึ่งผมทดสอบด้วยความเร็ว 140 กม./ชม. โดยเหยียบเบรคอย่างแรง ก็ยังสามารถหยุดได้ดั่งใจ มั่นใจขึ้น อาการส่ายที่มักจะมีในรถสูงๆ ก็ไม่มีให้รู้สึก
ยังเหลือระยะการเดินทางอีกร้อยกว่ากิโลให้ทดสอบ แต่ผมคงต้องเปลี่ยนให้สื่อมวลชนที่ร่วมทางมาด้วยกัน ได้ขับบ้าง จึงขอบรรยายอารมณ์ของผู้โดยสารบ้างดีกว่า ในส่วนห้องโดยสารที่กว้างขว้างทำให้รู้สึกสบายเวลาเดินทางไกล บวกกับช่วงล่างที่นิ่มนวลขึ้นจึงรู้สึกผ่อนคลายมาก ความเหน็ดเหนื่อยเวลาเดินทางจึงไม่มีเท่าไรนัก ไม่นานเราก็ถึงท่าเรือเพื่อข้ามไปเกาะสมุยครับ
ถ้ายังไม่จุใจคราวหน้าเราจะนำ New TOYOTA Fortuner มาทดสอบสมรรถนะแบบเจาะลึกให้ชมกันครับ แต่ถ้าทนรอไม่ไหวลองไปสัมผัส New TOYOTA Fortuner ได้ทุกโชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศครับ
สุดท้ายขอบพระคุณบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้เกียรติ iAMCAR ได้ร่วมกิจกรรมดีๆ เช่นนี้มาโดยตลอดครับ
https://www.youtube.com/watch?v=WAfaqvdznh4
บทความแนะนำ
New TOYOTA Fortuner 3.0 V Preview
รีวิว All New TOYOTA Fortuner “ออล นิว โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์”