รีวิว : THAIRUNG TR Transformer ( ทีอาร์ ทรานฟอร์เมอร์ ) รถอเนกประสงค์สไตล์ลุย

โพสต์เมื่อ 24th มีนาคม 2012 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

อีกหนึ่งความภูมิใจของรถยนต์ที่ผลิตโดย “คนไทย” คงต้องยกให้ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินกิจการมานานและพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ออกมาสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จะถูกตาต้องใจเห็นจะเป็นตัวนี้ THAIRUNG TR Transformer ( ทีอาร์ ทรานฟอร์เมอร์ ) รถอเนกประสงค์สไตล์ลุย ที่เห็นครั้งแรกก็อยากลองขับแล้วครับ แต่ขับแล้วจะเป็นอย่างไร ต้องมาชมกัน

สไตล์หรูพร้อมลุย

ที่จริงแล้ว “ TR Transformer ” เป็นการพัฒนาสายพันธุ์ต่อมาจาก “ TR MUV4 ” ที่มีรูปลักษณ์คล้ายรถทหารสไตล์ “HUMVEE” ที่เน้นการตลาดในหน่วยราชการ แต่หลังจากการพัฒนาต่อเพื่อต้องการให้เข้ามาสู่วิถีคนเมือง เลยต้องปรับปรุงหน้าตาใหม่ทั้งหมดจาก “HUMVEE” ตัวโหดพร้อมลุย มาเป็น “HUMMER” ตัวหรูพร้อมลุยแทน

รูปลักษณ์ภายนอก

จึงออกมาในแบบที่ผมเองเรียกว่า “กล่องเอาอยู่” เพราะไม่ว่าผมจะขับไปไหน “เอาอยู่ทุกสายตาจริงๆ” จอดที่ไหน เมื่อไหร่ มีแต่คนมอง และบางคนเข้ามาถามข้อมูลแบบสงสัย คราวนี้มาดูเรื่องการออกแบบกันครับ แน่นอนรถสไตล์นี้ไม่ได้เป็นรถที่ใช้ความเร็วสูง ต้องการสมรรถนะ Off road เป็นหลัก จึงเน้นเหลี่ยมจัดๆ เพื่อบ่งบอกถึงความดุดัน แต่ด้านหน้ายังมีไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวทรงกลม 2 วง เพื่อลดความดุดันลงบ้าง ส่วนกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมพร้อมก้านแนวตรงและกันกระแทกด้านล่างหน้าใช้สีบรอนเพื่อความหรูหรา

ด้านข้างเน้นบานกระจกที่กว้าง ใช้บานพับประตูสไตล์ JEEP พร้อมทั้งบันไดขึ้น-ลง ที่สามารถพับเก็บได้ ด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบวงกลมลดความเป็นเหลี่ยมให้น้อยลง พร้อมทั้งที่ใส่ยางอะไหล่ โดยทั้งหมดนี้เป็นการพัฒนามาจากพื้นฐานของ TOYOTA Vigo ซึ่งในสายตาผมถือว่าการออกแบบทำได้ในระดับที่ใช้ได้ สวยแปลกตาดี ดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามไม่ใช้น้อย

เน้นให้หรู ปรับให้หล่อ

ภายในเป็นการนำคอนโซลของ Vigo มาดัดแปลงให้ตั้งชันตรงตามสไตล์รถ JEEP ฟังค์ชั่นการใช้งานยังคงเดิมไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดอัตราการสิ้นเปลือง DVD รวมถึงความปลอดภัย Air Bag ทั้งฝั่งคนนั่งและคนขับ ส่วนเบาะทั้งหน้า-หลัง หุ้มใหม่ด้วยหนังสีดำตัดด้วยด้ายขาวเพิ่มความหรูหรา ระบบปรับอากาศแยกการควบคุมที่คอนโซลระหว่างตอนหน้า-หลัง หลังคาบุใหม่ด้วยสีครีมเล่นลวดลายด้วยการเรียงตัวของน็อต

ผมว่าภายในเรื่องทัศนวิสัยทำได้ในระดับที่ดี สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีมาให้ครบถ้วน แต่การเก็บเสียงคงยังต้องปรับปรุงกันสักหน่อย ตัวเบาะหนังอยู่ในเกณฑ์ดีนั่งสบายทั้งหน้าและหลัง พื้นที่ใช้สอยมีมาให้เหลือๆ ครับ

ตอบสนองทุกย่านความเร็ว

เครื่องยนต์มาในรหัส 1 KD-FTV แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์วพร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์ ในความจุกระบอกสูบ 2,982 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 17.9 : 1 พร้อมความแรง 163 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที และแรงบิด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังเดินหน้า 5 สปีดพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยเครื่องยนต์บล็อคนี้เป็นที่ยอมรับว่าแรงไม่น้อยในตลาดเครื่องยนต์ดีเซลบ้านเรา ทำให้สามารถลากน้ำหนัก 2 ตัน ให้โลดแล่นบนท้องถนนสบายๆ โดยสามารถทำความเร็วปลายได้ที่ประมาณ 168 กม.ชม. แบบไม่ต้องรอนาน

แต่ผมกลับสนใจไปลองสมรรถนะในทาง Off Road มากกว่า ซึ่งการผ่านอุปสรรคทางชันต่างๆ ถือว่าแรงบิดมีกำลังให้เหลือๆ เมื่อนำมาใช้ร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้อุปสรรคบนทาง Off Road ถือเป็นเรื่องเล็ก ที่สำคัญด้วยความสูงของรถการลุยน้ำระดับ 60-70 ซม. ไม่ใช่เรื่องยาก ปิดท้ายเรื่องเครื่องยนต์ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 13 กม./ลิตร ในความเร็วเฉลี่ยประมาณ 90-100 กม./ชม.ครับ

ปรับเล็กน้อย จะน่าสนใจขึ้นอีกเยอะ

มาสัมผัสสมรรถนะในเรื่องช่วงล่างเป็นการปิดท้าย ด้วยพื้นฐานมาจาก TOYOTA Vigo ล้วนๆ แต่ด้วยโครงสร้างที่เปลี่ยนไปรวมถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมากทำให้ อารมณ์การขับขี่เปลี่ยนไปแน่นอน ในส่วนของทางตรงเมื่อใช้ความเร็วสูงสัก 160 กม./ชม. ก็พอไว้ใจได้ แต่ในทางโค้งมีการงอแงโคลงๆ อยู่บ้าง เนื่องจากล้ออัลลอยยังเป็นของ Vigo ซึ่งมีขนาดหน้ายางแคบไปสำหรับตัวรถที่สูง ถ้าปรับปรุงสักนิด จะดีกว่านี้เยอะ อีกส่วนเป็นเรื่องระบบเบรคที่เป็นของ Vigo เช่นกัน อย่างที่บอกน้ำหนักที่มากทำให้แรงส่งจากด้านหลังเยอะเวลาเบรค จึงต้องเผื่อระยะเบรคไว้บ้างหรืออาจจะต้องการเปลี่ยนเกียร์ช่วยเล็กน้อย เมื่อต้องการเบรคกระทันหันครับ

ด้วยราคา 1,420,000 บาท กับความตั้งใจและฝีมือคนไทย ถ้าคุณมีไลฟ์สไตล์ต้องการตัวลุยมาเป็นคู่ใจ “TR Transformer” ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เรื่องบริการหลังการขายคงเป็นคำถามสำคัญของผู้ที่สนใจรุ่นนี้ เอาเป็นว่าอะไหล่เครื่องยนต์และช่วงล่างใช้กับ Vigo ได้ ส่วนอะไหล่ตัวถังมีคอยไว้ให้ที่โชว์รูมถนน เพชรเกษม ครับ