รีวิ The New Hyundai H-1 LIMITED 2016 ความหรูหราที่ลงตัวในความอเนกประสงค์

โพสต์เมื่อ 25th พฤศจิกายน 2015 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

The New Hyundai H-1 LIMITED 2016 ยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่ยังคงเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งแม้จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนโมเดลอย่างเป็นทางการ แต่เราก็เชื่อมั่นว่า H-1 จะยังคงทำยอดจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลง่ายๆ กับ “ความลงตัว” ที่สามารถรู้สึกได้ในทุกตำแหน่งของเบาะนั่งภายในรถ เช่นเดียวกับคันที่อยู่กับเรา iAMCAR ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่บนพื้นฐานของ H-1 ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

New Hyundai H-1 LIMITED

มิติตัวถังยังคงแสดงถึงความเป็นรถ MPV อเนกประสงค์คันใหญ่ด้วยความยาว x กว้าง x สูงที่ 5,125 x ,1,920 x 1,925 มม. พร้อมด้วยการวางความยาวฐานล้อเอาไว้ที่ 3,200 มม. ในขณะที่การดีไซน์รูปลักษณ์นั้นเสริมแต่งตามยุคสมัยเน้นความลงตัว และต่อยอดขึ้นจากพื้นฐานของโมเดล H-1 ตั้งแต่โทนสีภายนอกที่ยกระดับด้วยสีขาว Creamy White อันเรียบง่าย และหรูหรา เพิ่มความมีสไตล์ซึ่งรับกันได้อย่างลงตัวกับล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้วลายใหม่สีพิเศษ Hyper Black ที่ช่วยความดุดันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งล้อชุดนี้ยังถือเป็นความพิเศษที่เลือกติดตั้งให้กับโมเดลพิเศษเฉพาะ The New Hyundai H-1 LIMITED เท่านั้นอีกด้วย สำหรับในรายละเอียดความพิเศษส่วนอื่นนั้นจะประกอบด้วย

ชุดไฟหน้า

ชุดไฟหน้าที่มาพร้อมชุดไฟนำทาง Escort Lamp, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมด้วยไฟเลี้ยวแบบ LED นอกจากนี้ยังได้ทำการออกแบบประตูคู่หน้าใหม่ที่เรียกว่า Tilting Doors โดยออกแบบให้สามารถเปิดได้กว้าง และเพิ่มองศาความเอียง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้า – ออกได้มากขึ้น ตามด้วยการติดตั้งโลโก้แบบโครเมี่ยมเป็นตัวอักษร LIMITED ในด้านหลัง เพื่อบ่งบอกคุณลักษณะที่โดดเด่นเหนือระดับ

ก้าวสู่ความหรูหราของ LIMITED

ในส่วนของภายในห้องโดยสารนั้นยังคงเป็นโมเดล H-1 ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในงานดีไซน์ แต่ในเมื่อเป็นเวอร์ชั่น LIMITED ทั้งที รายละเอียดต่างๆ จึงถูกปรุงแต่งขึ้นใหม่ทั้งหมด เช่น วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าที่เลือกใช้เป็นแบบลายไม้สีเทาเงินทั้งหมด ในขณะเดียวกันพวงมาลัยก็เปลี่ยนวัสดุเป็นหุ้มหนังช่วยให้จับกระชับ และนุ่มมือมากขึ้น ทั้งยังมากับระบบมัลติฟังก์ชั่นที่ช่วยให้ควบคุมเครื่องเสียงได้อย่างดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพิ่มความพิเศษขึ้นอีกระดับด้วยวัสดุหุ้มเบาะทั้ง 12 ที่นั่ง ซึ่งเลือกใช้เป็นแบบหนังแท้ และหนังสังเคราะห์โทนสีเทา ปิดท้ายด้วยพรมปูพื้นทั้งคันที่มาพร้อมโลโก้ H-1 Limited ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อเวอร์ชั่นพิเศษโดยเฉพาะ สำหรับในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวก และความบันเทิงนั้น The New Hyundai H-1 LIMITED ยังคงพกพามาให้ใช้กันแบบครบครัน เริ่มจากพวงมาลัยปรับระดับสูง – ต่ำ พร้อมระบบมัลติฟังค์ชั่นสำหรับควบคุมเครื่องเสียงบนคอนโซลหน้า ซึ่งมากับ Head Unit แบบ Touch Screen ขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบนำทาง Navigator รวมถึงการติดตั้งจอ LCD ขนาด 10.1 นิ้วบนเพดาน เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศที่ส่งผ่านความเย็นสบายได้อย่างทั่วถึงจากการแบ่งเป็น 2 ตอนทั้งด้านหน้า และผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งยังปลอดภัยด้วยการติดตั้งกระจกมองหลังแบบตัดแสงมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตลอดจนกล้องมองหลังพร้อมเซ็นเซอร์ที่จะแสดงภาพในด้านหลังผ่านจอ Touch Screen ขนาด 7 นิ้วบนคอนโซลหน้าทันทีเมื่อเปลี่ยนเกียร์สู่ตำแหน่งเกียร์ถอย เพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยให้มากขึ้น

ขุมพลัง

ภายใต้รูปลักษณ์อวบใหญ่ คือ ขุมพลังแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ที่มีพิกัดความจุ 2,497 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน VGT (Variable Geometry Turbocharger) พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง Commonrail Direct Injection ซึ่งทั้งหมดคือส่วนผสมหลักที่ทำให้เกิดพละกำลังสูงสุดที่ 175 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตรที่ 2,000 – 2,250 รอบต่อนาที โดยในส่วนของระบบส่งกำลังนั้นยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift ให้เลือกปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ราวกับเกียร์ธรรมดา โดยมีระบบช่วงล่างเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทในด้านหน้า และแบบคอยล์สปริง พร้อมแขนยึด 5 จุดในด้านหลัง

ระบบความปลอดภัย

ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นยังคงครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐานภายใต้โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ Four Ring เช่น ระบบดิสก์เบรก พร้อมระบบป้องกันล้อล็อค ABS, สัญญาณกันขโมย, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ซึ่งทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย ทั้งยังได้ติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มาพร้อมสัญญาณกะระยะถอยหลัง และกล้องมองภาพด้านหลังพร้อมเส้นกะระยะ ตลอดจนการเปลี่ยนเป็นมุมกด (Bird’s Eye View) อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้การขับขี่รถอเนกประสงค์ MPV ระดับบิ๊กไซส์อย่าง The New Hyundai H-1 LIMITED เต็มเปี่ยมไปด้วยความปลอดภัย และมั่นใจในทุกๆ เส้นทาง

และด้วยองค์ประกอบโดยรวมของความเป็นอนุกรม H-1 นี้เองที่ทำให้เราไม่แปลกใจเลยซักนิดในความเป็นรถอเนกประสงค์ MPV ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดนั้นเราคงไม่อาจล่วงรู้ แต่ถ้าถามเรา “ความคุ้มค่า” และ “ความสามารถ” ที่คาดไม่ถึง คือสิ่งที่ทำให้เราเองก็หลงรักในยนตรกรรมอนุกรม H -1 เช่นกัน โดยความสามารถอันเกิดคาดหมายที่ว่าก็คือ เมื่อคุณคุ้นเคยกับ H -1 แล้ว คุณจะเห็นโลกใบเดิมในมุมมองใหม่ๆ ซึ่งมันทำให้ทุกการขับขี่ “ง่าย” กว่าที่คิดด้วยทัศนวิสัยรอบด้านที่ “เคลียร์” ประกอบกับตำแหน่งท่านั่งที่จัดวางได้อย่างลงตัว (นั่งหลังล้อ) ทำให้รู้สึกเหมือนกับขับรถอเนกประสงค์ SUV คันใหญ่มากกว่าเหมือนขับรถตู้ ตลอดจนแทบจะไม่เป็นปัญหากับในทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยตัวรถที่สูงโปร่ง โล่งสบายสามารถมองเห็นทัศนวิสัยเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน ทั้งยังช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างถนัดมือโดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง ซึ่งในส่วนนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้กับ 2 สิ่งสำคัญ คือ การควบคุม และพละกำลังที่สามารถตอบสนองได้อย่างทันใจ ด้วยแรงบิดรอบต่ำ 441 นิวตันเมตร ตั้งแต่ที่ 2,000 – 2,250 รอบต่อนาที ถ่ายทอดผ่านระบบส่งกำลังอย่างสมดุลย์กับการแปรผันของน้ำหนักพวงมาลัย ซึ่งช่วยให้ H – 1 สามารถ “พริ้วไหว” ได้อย่างคล่องแคล่วผิดกับรูปร่างเลยทีเดียว

อีกหนึ่งอย่างที่เราชอบก็คือ “ความสบาย” ในการเดินทาง ซึ่งด้วยตำแหน่งนั่ง, มิติตัวถัง และสมรรถนะของ H -1 มันจะทำให้คุณพบกับความสุขในการขับขี่ได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเดินทางปกติ 120 -140 กม./ชม. หรือจะกดคันเร่งให้ลึกขึ้นอีกเพื่อไต่ความเร็วไปในระดับ 160 – 180 กม./ชม. H – 1 ก็สามารถพาคุณไปได้โดยไร้ความกังวล ซึ่งคุณจะรับรูได้ถึงความนิ่ง, การทรงตัว, การยึดเกาะถนน, การควบคุมที่เชื่อใจได้ เช่นเดียวกับพละกำลังที่สามารถเรียกใช้ได้ในทุกครั้งที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นการ คลิกดาว์น หรือเข้าสู่โหมด +/- ก็ตาม เพราะ H -1 จะไม่มีอาการอิดออด หรือ ขัดขืนแม้แต่น้อย แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม เพราะด้วยแรงดึงของจังหวะบูสต์มา มันทำให้รู้สึกเหมือนว่าเจ้ายักษ์ H – 1 มันชอบที่จะแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงซะด้วยช้ำ แถมยังดูเหมือนจะชอบเล่นกับทางโค้งไม่น้อย ราวกับจะพยายามนำเสนอความยอดเยี่ยมของช่วงล่างด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังแบบ 5 Link ที่ถูกปรับเซ็ทมาอย่างสมดุลย์ และเชื่อเถอะว่าในจุดนี้เจ้ายักษ์ H -1 มันก็ทำได้ดีไม่น้อยซะด้วย โดยเฉพาะกับสภาพพื้นถนนที่เรียบราวพื้นแทรคสนามแข่ง อีกทั้งภายใต้ความสามารถของช่วงล่างมันยังสามารถหยิบยื่นความนุ่มนวลให้สัมผัสได้อย่างมากพอที่จะไม่รบกวนความสบายของใครก็ตามที่เอนกายพักผ่อนอยู่ด้านหลัง ซึ่งในขณะเดียวกันระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั้นก็มากพอที่จะมอบความอุ่นใจให้ในทุกๆ การเดินทาง

ซึ่งทั้งหมดนี้แหล่ะครับคือ ความสามารถของรถอเนกประสงค์ในอนุกรม H – 1 ที่เราต่างก็ยอมรับว่ายังคงหลงรักมันเหมือนเดิมในทุกๆ ครั้งที่ได้ขับ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้ได้เห็น H – 1 วิ่งกันอยู่เต็มถนน เพราะผมว่าบรรดาผู้บริโภคเหล่านั้นก็คงรับรู้ได้ถึง “ความคุ้มค่า” เช่นเดียวกับที่เรารู้สึกได้เช่นกัน