Toyota Venza ร่างจำแลง Harrier สำหรับลุยตลาดสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่ Toyota Harrier เจนเนอเรชั่นล่าสุด เปิดตัวก่อนหน้านี้ไปได้ไม่นาน ก็ถึงคราวส่งไม้ต่อเพื่อลุยตลาด สหรัฐอเมริกา โดยจะทำการจำหน่ายภายใต้ชื่อว่า Toyota Venza ที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบครันตามสไตล์ ยนตรกรรมอเนกประสงค์ CUV (Crossover Utility Vehicle)
Toyota Venza ครบเครื่อง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
อย่างที่กล่าวไว้ว่า Toyota Venza ถือได้ว่าเป็น “แฝด” แห่งยนตรกรรมอเนกประสงค์สไตล์ CUV (Crossover Utility Vehicle) ระดับตำนานอย่าง Toyota Harrier ซึ่งเพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการไปไม่นาน ด้วยเหตุนั้นเองทำให้องค์ประกอบส่วนใหญ่มีความใกล้เคียงกัน ไล่ตั้งแต่ในส่วนของโครงสร้างแพลทฟอร์ม TNGA-K ที่ช่วยยกระดับสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างคาดไม่ถึง โดยนำเสนอผ่านเส้นสายการออกแบบที่เฉียบคมในงานดีไซน์ ซึ่งมาพร้อมกับออพชั่นมาตรฐานที่เสริมความหรูหรา และสปอร์ต เช่น ระบบส่องสว่างเลือกใช้แบบ LED มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมไปถึงขนาดของล้ออัลลอยด์ที่มีให้ทั้ง 18 นิ้วและ 19 นิ้วในแต่ละรุ่นย่อย
ด้านภายในห้องโดยสารมากับรูปแบบรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง พร้อมการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย เช่น ชุดมาตรวัด Multi-Information Display (MID) ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบ Head-Up Display ขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว ตามด้วยหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสที่มีทั้งขนาด 8 นิ้ว และ 12.3 นิ้ว ต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย พร้อมการยกระดับความบันเทิงจากแบรนด์ JBL ที่ติดตั้งลำโพงมาให้ถึง 9 ตำแหน่ง รองรับกล้องมองภาพขณะถอยหลัง รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth ทั้งจาก Apple CarPlay และ Android Auto ปิดท้ายด้วยการติดตั้งชุดหลังคา Star GazeTM Panoramic Glass Roof ที่สามารถปรับโทนสีของกระจกให้เข้ม หรืออ่อนลงได้มาให้เป็นครั้งแรก
สำหรับสมรรถนะยังคงนำเสนอการขับเคลื่อนจากเทคโนโลยีล้ำสมัยของระบบ Toyota Hybrid System เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ด้วยความร่วมมือจากเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบ VVT-iE ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยกำลังสูงสุดที่ 219 แรงม้า และมาพร้อมฟังค์ชั่นการขับขี่ที่เลือกได้ 3 รูปแบบ คือ Normal, Eco และ Sport รวมถึง EV Mode ที่จะทำการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่าง ขณะที่ระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบ 4 ล้อ Toyota’s Electronic On-Demand All-Wheel Drive โดยจัดสรรเรี่ยวแรงการขับเคลื่อนส่วนใหญ่ประมาณ 80% ไปยังล้อคู่หลัง และจะแปรผันไปตามสถานะการขับขี่
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความโดดเด่นในเรื่องของระบบความปลอดภัย จากระบบ Toyota Safety Sense (TSS 2.0) ที่ประกอบด้วยระบบ Pre-Collision System with Daytime/Low-Light Vehicle and Pedestrian Detection, plus Daytime Bicycle Detection (PCS) สำหรับตรวจจับคนเดินถนน และผู้ขับขี่จักรยานในเวลากลางวัน, ระบบ Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) ที่จะควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Lane Departure Alert with Steering Assist (LDA w/SA) ที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง และประคองรถให้กลับเข้าเลนเมื่อวิ่งออกนอกช่องทาง, ระบบ Automatic High Beams (AHB) ช่วยปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Lane Tracing Assist (LTA) ที่ช่วยเตือนเมื่อขับรถออกนอกช่องทาง และระบบ Road Sign Assist (RSA) สำหรับตรวจจับป้ายสัญลักษณ์จราจรบนถนน