รีวิว : VOLVO S80 D4 ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่ ”
หนึ่งในรถหรูเคียงคู่กับเมืองไทยมาช้านาน ย่อมต้องมีชื่อเสียงของ VOLVO อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์นั้นแน่นอน ด้วยคำที่ติดปากว่า “ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่” แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้วันนี้วอลโว่มีให้คุณสัมผัสมากกว่านั้น ซึ่งผมเองก็ติดตามการพัฒนาปรับเปลี่ยนของรถค่ายนี้มาตลอด ซึ่งในฉบับนี้ผมมองเห็นความโดดเด่นในซีดานขนาดใหญ่ของวอลโว่ในรุ่น VOLVO S80 D4 ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลความจุเพียง 2.0 ลิตร เป็นพลังงานหลักในการขับเคลื่อน แต่สมรรถนะจะออกมาอย่างไรนั้น มาติดตามกันได้เลยครับ
การเดินทาง…ที่ไร้กาลเวลา
VOLVO S80 D4 ถือว่าเป็นซีดานหรูขนาดใหญ่ของค่ายวอลโว่ ที่อาศัยการดีไซน์ในสไตล์สแกนดิเนเวียน ซึ่งมีความหรูหรา คลาสสิค ผสมปนออกมาให้เป็นมนต์เสน่ห์ที่ไม่มีวันจางหาย หรือง่ายๆ เป็นดีไซน์ที่ดูยังไงก็ไม่เก่า ถ้าแบ่งการดีไซน์ออกแบบส่วนๆ จะเห็นว่าในด้านหน้ามีกระจังหน้าขนาดใหญ่ตัดขอบคิ้วด้วยสีโครเมียม วางโลโก้ “VOLVO” อันสง่างามไว้อย่างพอดิบพอดี พร้อมขนาบไว้ด้วยไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ที่สามารถเปิด – ปิด อัตโนมัติตามความสว่างของแสง พร้อมทั้งสามารถเลี้ยวตามพวงมาลัย ที่สำคัญในการดีไซน์โคมไฟที่ซ่อนไฟเลี้ยว LED ไว้ด้านใน ยังใช้เส้นสายแนวเดียวกับกันชนหน้า เพื่อให้ดูแล้วต่ำลง เติมเสน่ห์ให้ดูเหมือน “รถยิ้มให้คุณตลอดเวลา”
ตัวถัง
ขยับมามองด้านข้างจะเห็นเส้นสายตัวถังที่สามารถหลอกสายตาให้ตัวรถดูมีมิติที่ยาวขึ้น พร้อมทั้งใช้คิ้วขอบกระจก และคิ้วชายล่างประตู เพื่อยกระดับความเป็นรถหรูอย่างเต็มขั้น ส่วนที่กระจกมองข้างนอกจากจะมีไฟเลี้ยวในตัวแล้วยังซ่อนความปลอดภัยด้วยระบบกล้องและสัญญาณเตือนมุมอับสายตา (BLIS) คอยตรวจจับรถที่อยู่ด้านข้างพร้อมส่งสัญญาณมาบอกที่ไฟตรงเสา A ด้านใน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในมุมอับสายตา ด้านท้ายคุณจะได้เห็นดีไซน์สุดคลาสสิกในวอลโว่สไตล์ที่เรียงอนูความกว้างจากด้านข้างค่อยลดให้ผอมเพียว อ่อนช้อยอย่างลงตัว สำหรับผมเองในเรื่องการออกแบบภายนอก VOLVO S80 D4 แม้จะไม่มีความโฉบเฉี่ยวให้เห็นอยู่เลย แต่ความคลาสสิก ความหรูหรา สไตล์วอลโว่มีให้อย่างเต็มเปี่ยม แต่ในทุกความโค้งมนนั้น คือ เส้นสายของหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดี มีการคำนวนมาแล้วทั้งสิ้นครับ
การเดินทาง…ที่มากกว่าความปลอดภัย
สำหรับภายในที่เพิ่มความหรูหราเข้าไป ต้องบอกว่ามีรายละเอียดที่ผมต้องกล่าวถึงอีกมาก เริ่มจากตัวเบาะที่ออกแบบใหม่สี Blond นุ่มสบาย ตัดเย็บอย่างปราณีต ส่วนคอนโซลออกแนวเรียบหรูยกระดับด้วยลายไม้ พวงมาลัยหุ้มด้วยลายไม้สลับหนัง พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่มีความพิเศษ ด้วยเซ็นเซอร์ประมวลผลจากด้านหน้า ผมของยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ครับ สมมุติว่าผมตั้ง Cruise Control ไว้ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. พอจังหวะมีรถช้าเข้ามาขวางด้านหน้า ระบบจะลดความเร็วให้เอง เมื่อทางข้างหน้าโล่ง ระบบจะเร่งความเร็วกลับมาเช่นเดิมครับ ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะครับ ขยับมาที่คอนโซลกลางจะเห็นหน้าจอขนาด 7 นิ้วที่ทำมุมเอียงหาผู้ขับขี่ทำให้สามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวก ขยับลงมาเป็นระบบเชื่อมต่อ Bluetooth โทรศัพท์ ปุ่มควบคุม Setting ต่างๆ ของรถ และควบคุมเครื่องเสียง ลงมาอีกเป็นระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้าย – ขวา แต่ล่างสุดเป็นทีเด็ดความปลอดภัยทั้งควบคุมระบบ BLIS ที่ผมอธิบายไปแล้ว ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกและเซ็นเซอร์ตรวจจับคน ซึ่งการทำงานของระบบนี้ เมื่อเซ็นเซอร์สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวาดเช่นรถ หรือคน ระบบจะมีไฟเตือนพร้อมเสียง เพื่อให้เราเบรก แต่หากฉุกเฉินใกล้ชนระบบจะเบรกเต็มแรงเพื่อลดอุบัติเหตุให้คุณเอง และยังมีระบบ City Safety ที่คอยทำงานในความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. เช่น เวลาที่เราขับรถติดๆ และไหลตามกันไป เกิดคันหน้าเบรกแล้วเรากำลังก้มเก็บของ ระบบจะเข้ามาช่วยหยุดรถให้คุณเอง แม้คุณจะไม่ได้เหยียบเบรกเลยก็ตาม ต่อมาเป็นระบบเตือนเมื่อคุณเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบนี้เป็นการตรวจจับเส้นถนน คือ ถ้าคุณขับเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะทำการเตือนด้วยไฟและเสียง เผื่อว่าคุณหลับในหรือมีอาการเมา และเมื่อคุณไม่เปิดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเลนบ่อยๆ ระบบจะเริ่มประเมินว่าคุณควรจะพัก โดยจะมีรูปถ้วยกาแฟขึ้นที่เรือนไมล์
ขยับมาที่เบาะหลังบ้าง นอกจากจะเป็นเบาะที่มีความนุ่มนวลสะดวกสบายเหมาะกับผู้บริหารแล้ว ยังมีที่วางแขน ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งที่วางแก้วและที่เก็บของ นอกจากนี้ยังมีที่สำหรับเสียบหูฟัง 2 จุด แยกการควบคุมทั้งเลือกเพลง และความดังของเสียง ขอบอกเลยว่าเป็นรถที่มีรายละเอียดเยอะจริงๆ แต่สำหรับผม คือ ความมั่นใจ ความสบาย ความปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่บนถนนกับรถคันนี้
การเดินทาง…สมรรถนะความประหยัด
อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่าคันนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลรหัส D5204T3 แบบ 5 สูบ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ สร้างแรงม้าที่ 163 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,500 – 2.750 รอบ/นาที สามารถใช้น้ำมันไบโอดีเซล B5 ได้ ส่วนระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์ทรอนิก ขับเคลื่อนล้อหน้า คราวนี้ได้เวลาเดินทางแล้ว ผมวางเป้าการเดินทางเอาไว้ 300 กม./ชม. โดยเริ่มการวัดปริมาณการใช้น้ำมันก่อน ผมใช้ความเร็วเฉลี่ยในการเดินทาง 100 – 110 กม./ชม. ในระยะทาง 212 กม. ผมลองเติมน้ำมันลงเต็มถังด้วยดีเซลลิตรละ 29.99 บาท สรุปผมใช้เงินเติมน้ำมันไปทั้งหมด 383 บาท “โอ้โห” กิโลเมตรล่ะไม่ถึง 2 บาท ถือว่าดีมากครับ ในเรื่องของอัตราเร่งต้องถือว่ากระชากตามใจสั่ง ไหลลื่นไปหาความเร็ว 180 กม./ชม.ได้สบาย แต่เสน่ห์ของคันนี้ต้องยกให้กับ ระบบเกียร์ทรอนิกที่สามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้ดั่งใจ ไม่มีการตัดเปลี่ยนให้คุณเอง ซึ่งเหมาะมากๆ ที่จะใช้ขับในแนวสปอร์ต ความรู้สึกสำหรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง สำหรับผมมีเสน่ห์ตรงที่สามารถขับแบบสบายๆสไตล์ชิวๆ หรือจะปรับอารมณ์แบบสปอร์ตก็ได้ทันที การตอบสนองที่ได้ดั่งใจตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้เวลาเร่งแซงมีความมั่นใจสูง ที่สำคัญ คือ ความประหยัดในการเติมน้ำมันครับ
การเดินทาง…ด้วยเทคโนโลยี
มาในส่วนของสมรรถนะของช่วงล่างแม็คเฟอร์สันสปริงสตรัทในด้านหน้า มัลติลิงค์ ในด้านหลัง ที่จริงก็เพียงพอต่อการทรงตัวที่นิ่มนวล และเกาะถนนอยู่แล้ว แต่วอลโว่ยังเพิ่มความปลอดภัยเข้าไปอีก ด้วย DSTC ที่คอยปรับถ่ายเทกำลังระหว่างล้อ ทำให้สามารถสร้างสมดุลและมีการทรงตัวที่ดีขึ้น ในขณะที่รถเกิดเสียอาการลื่นไถล นอกจากนี้ยังมีระบบเบรกที่มีจานเบรกขนาดใหญ่ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อค ระบบเบรกไฮดรอลิก ระบบพร้อมเบรก ระบบรักษาแรงเบรก และระบบกระจายแรงเบรก ซึ่งน่าจะครบถ้วนในความปลอดภัยแล้ว อารมณ์การขับขี่เดินทางเป็นสุนทรียภาพเฉพาะตัวของวอลโว่อยู่แล้ว เพิ่มเติมความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้าไปก็มั่นใจทุกการเดินทาง
ราคารถยนต์ใหม่
VOLVO S80 D4 ใน ราคา 2,749,000 บาท สำหรับผมแล้วมีมากกว่าความหรูหราที่เห็นจากภายนอก ซึ่งใส่ความปลอดภัยในทุกจุดของตัวรถ นอกเหนือไปกว่านั้น คือ ความประหยัดในทุกเส้นทาง หากวันนี้ผมต้องการปกป้องใครสักคน นี่แหละ…คือคำว่า “ใช่” สำหรับผม