โตโยต้าประกาศความสำเร็จ ยอดการส่งออกรถยนต์ในโครงการไอเอ็มวี (IMV) ครบ 3 ล้านคัน และ เริ่มการส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ สู่ประเทศญี่ปุ่น
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น/กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มร. ฮิโรกิ นาคาจิม่า เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ มร. ชิโระ ซาโดชิม่า เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในงาน “การประกาศความสำเร็จ ยอดการส่งออกรถยนต์ในโครงการไอเอ็มวี (IMV) ครบ 3 ล้านคัน และเริ่มการส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ สู่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
บนเส้นทางความสำเร็จระดับโลก รถยนต์ในโครงการ IMV จากประเทศไทย
โครงการไอเอ็มวี (IMV) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Innovative International Multi-purpose Vehicle ที่เริ่มประกาศดำเนินโครงการครั้งแรกในปี พ.ศ.2545 โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ในโครงการไอเอ็มวี ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท โดยผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รถยนต์อเนกประสงค์ เครื่องยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าภายในประเทศและส่งออกจำหน่ายไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก
รถกระบะไฮลักซ์ในโครงการไอเอ็มวีได้เริ่มต้นผลิตและจำหน่าย รวมถึงการส่งออกสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 ภายใต้ชื่อ “ไฮลักซ์ วีโก้” มาจนถึงปี พ.ศ. 2558 จึงได้ส่งออกรถกระบะในโครงการไอเอ็มวี เจนเนอเรชั่นที่ 2 ภายใต้ชื่อ “ไฮลักซ์ รีโว่” ทั้งนี้ รถกระบะในโครงการไอเอ็มวีผลิตจากโรงงานโตโยต้าสำโรงและขยายสู่โรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ โดยปัจจุบันทั้ง 2 โรงงาน มีกำลังการผลิตรวมกันสูงสุดถึง 450,000 คัน ต่อปี
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า “จากวันนั้นถึงวันนี้ นับเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่ทำให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้รับการยกระดับเป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักที่สำคัญของรถกระบะขนาด 1 ตัน ในกลุ่มบริษัทโตโยต้า ด้วยยอดผลิตที่สูงถึงร้อยละ 60 ของยอดการผลิตทั่วโลก ส่งออกไปจำหน่ายกว่า 120 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งสิ้นกว่า 3,000,000 คัน แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในการผลิตรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริงของคนไทย”
โตโยต้า ไฮลักซ์ รถกระบะฝีมือคนไทย สู่ตลาดประเทศญี่ปุ่น
จากความสำเร็จของการส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ในโครงการไอเอ็มวีไปสู่ตลาดต่างประเทศทั่วโลก ในวันนี้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมขยายความสำเร็จไปสู่การส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีมาตรฐานสูงในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปจำหน่ายภายในประเทศ นับเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่ทำให้เห็นถึงคุณภาพมาตรฐานระดับโลกของรถกระบะไฮลักซ์ที่ผลิตจากประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า “จากการที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งมั่นทุ่มเทฝีมือและความปราณีตในการผลิตรถกระบะไฮลักซ์ ตลอดจนใส่ใจในทุกรายละเอียดของการควบคุมตรวจสอบคุณภาพ ทำให้ในที่สุดเราสามารถส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากทั้งผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าและลูกค้าชาวญี่ปุ่นหลังจากที่ไฮลักซ์ห่างหายไปจากตลาดประเทศญี่ปุ่นถึง 13 ปี”
มร. ฮิโรกิ นาคาจิม่า กล่าวว่า “ในประเทศญี่ปุ่น มีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในรถกระบะไฮลักซ์ และรอคอยที่จะได้สัมผัสกับรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการ นับเป็นความน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สามารถส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ไปสู่กลุ่มลูกค้าที่เฝ้ารอคอย เราเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถกระบะไฮลักซ์เหล่านี้จะมีช่วงเวลาและประสบการณ์อันน่าประทับใจร่วมกับรถรุ่นนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เรายังเชื่อมั่นว่ารถกระบะไฮลักซ์ จะประสบความสำเร็จ โดยได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมเหนือความคาดหมายจากลูกค้าภายหลังการเปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่น”
โตโยต้า ยืนหยัดเคียงข้างคนไทย เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยมากว่า 55 ปี มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนร่วมกับภาครัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการไอเอ็มวีนำมาซึ่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำหน้า ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในประเทศให้สูงขึ้น สามารถสร้างงานให้กับคนไทยและสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมากมาย ด้วยมูลค่าการส่งออกที่สูงเป็นอันดับ 1 ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,460,000 ล้านบาท* รวมกับมูลค่าการส่งออกเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่อีกกว่า 590,000 ล้านบาท* นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยทั้งสิ้นกว่า 2,050,000 ล้านบาท* อันเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมภาคเศรษฐกิจของประเทศ
(* ตั้งแต่ปี 2547 – เดือนตุลาคม ปี 2560)
ดร.อุตตม สาวนายน กล่าวว่า “ผมขอชื่นชม บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่มีความเชื่อมั่นและมอบความไว้วางใจให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์โตโยต้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จนทำให้ตลอดเวลา 55 ปี ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจการมา สามารถก้าวเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะภาคการส่งออกให้เกิดการขยายตัว ทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน ก่อให้เกิดการจ้างงาน การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้แก่บุคลากรชาวไทย และที่สำคัญได้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการ IMV จนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
อีกหนึ่งโอกาสที่ผมขอชื่นชม คือ การที่ โตโยต้า ประเทศไทย สามารถส่งรถกระบะกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ของโลก นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง อันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ มาตรฐาน คุณภาพของสินค้าไทย รวมไปถึงการผลิตและทักษะฝีมือของช่างชาวไทย ที่พัฒนาจนเป็นที่ยอมรับของประเทศเจ้าของเทคโนโลยีได้ในที่สุด ทั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย อันเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตานานาประเทศ เหล่านี้จะเป็นการต่อยอดเพื่อสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญ 1 ใน 10 ของโลกในอนาคตอันใกล้ ตามเจตนารมณ์ที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่ในอดีต”
มร.ซึงาตะ กล่าวปิดท้ายว่า “นับจากนี้ รถกระบะไฮลักซ์ จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ความภาคภูมิใจของโตโยต้าเท่านั้น แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนเช่นกัน ด้วยการมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย”
โตโยต้า ไฮลักซ์ กระบะไทย มาตรฐานระดับโลก พัฒนาเศรษฐกิจไทย เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน