Gang Test: ALL NEW Honda City ปรับโฉมคุ้มค่า กับราคาเดิม
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม One Day Trip แบบสบายๆ สไตล์ Chill Out ทดลองขับยนตรกรรมใหม่ล่าสุด All New Honda City เวอร์ชั่นปรับโฉม ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบนเส้นทางกรุงเทพฯ – ราชบุรี (สวนผึ้ง) และความสนุกแบบนี้บอกเลย iAMCAR ไม่มีพลาดแน่นอน
All New Honda City
งานนี้ บริษัท ฮอนด้า อโอโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นัดรวมพลกันที่ บริษัท เอที ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ย่านถนนเอกชัย-บางบอน ระหว่างซอยเอกชัย 117 กับ 119 อีกหนึ่งดีลเลอร์ที่ใหญ่โต และหรูหรา สำหรับการแนะนำตัว New City เวอร์ชั่นปรับโฉมก่อนว่ามีอะไร “ใหม่” บ้าง โดยในเวอร์ชั่นปรับโฉมของ New City นั้นหลักๆ จะเพิ่มเติมในรายละเอียดทางกายภาพให้สดใหม่ขึ้นอีกระดับ เช่น ภายนอกที่ดูสปอร์ตมากขึ้น ด้วยด้านหน้าที่ติดตั้งชุดไฟหน้า และไฟชุด DRL (Daytime Running Lights) แบบ LED มาให้เป็นครั้งแรกสำหรับรถในพิกัดนี้
ตามมาด้วยการเปลี่ยนชุดกระจังหน้าโครเมี่ยม และกันชนหน้า-หลังเป็นแบบใหม่ให้ดูสปอร์ตขึ้น รับกับล้ออัลลอยด์ลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น การติดตั้งไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED, คอนโซลด้านหน้า, คอนโซลกลาง และในรายละเอียดตามจุดต่างๆ ตกแต่งด้วยโทนสี Gun Metallic ตามด้วยเบาะนั่งที่เปลี่ยนวัสดุผ้าใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น เดินด้าย 2 แถว อ อกแบบในสไตล์สปอร์ต ในขณะที่ฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวก ส่วนความปลอดภัยนั้นยังคงติดตั้งมาให้อย่างครบครันเช่นเดิม และเช่นเดียวกับขุมพลังที่ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่ งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งเลือกปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วย Paddle Shift 7 สปีด
โดยสำหรับการทดลองขับในวันนี้ ทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดรุ่นท็อปสุด SV+ ไว้ให้เป็นพาหนะในการเดินทาง นั่งกันคันละ 3 คน ผลัดกันขับบนเส้นทางที่กำหนดไว้รวมแล้วประมาณ 350 กม. ซึ่งผมเองเสียสละขับเป็นไม้สุดท้าย เพื่อทดสอบความสบายของเบาะนั่งด้านหลัง ตั้งแต่ออกจาก บริษัท เอที ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ไปจนถึงจุดแวะพักแรก ร้านกาแฟคนรักษ์สวน เพื่อแวะดื่มกาแฟรสชาติดีๆ และทำเล่นเกมส์เล็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ เช่น เกมส์วางขวดน้ำ 6 ตำแหน่ง และการนำสิ่งของใส่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังให้เร็วที่สุด จากนั้นจึงเปลี่ยนคนขับ แล้วออกเดินทางต่อไปยัง The Scenery Vintage Farm เพื่อทานอาหารกลางวัน ก่อนจะไปยังจุดต่อไป คือ Coro Field ฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น แล้วจึงเปลี่ยนคนขับอีกครั้งเป็นหน้าที่ผมดิ่งจากราชบุรี สู่จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ที่ บริษัท เอที ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ย่านบางบอน
ซึ่งบทสรุปของการทดลองขับของ New Honda City ก็คือ “ความสบาย” ในการใช้งานที่ยังคงเป็นประเด็นหลักของโมเดล City เช่น ความคล่องตัวขณะขับขี่ในเมืองด้วยการตอบสนองของพวงมาลัยที่เบาแรงในความเร็วต่ำ แต่ในขณะเดียวกันบนความเร็วสูงถ้าน้ำหนักพวงมาลัยจะหน่วงขึ้นอีกนิดก็คงจะดีไม่น้อย ส่วนเรื่องพละกำลังนั้นถือว่าเป็นสมน้ำสมเนื้อในทุกสไตล์การขับขี่ ซึ่งสามารถเพิ่มความสนุกได้ด้วยการ Kick Down หรือการเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddls Shift รวมถึงโหมด S ที่สร้างความเร้าใจได้ในระดับพอหอมปากหอมคอ ด้วยเงื่อนไขของระบบส่งกำลังแบบ CVT ในขณะที่ระบบช่วงล่างนั้นเรียกว่าเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก เพราะแม้ขนาดนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่าย ผ่านสภาพถนนที่ย่ำแย่ และคอสะพานไม่น้อย ก็ยังสามารถนั่งได้แบบสบายๆ ไม่มีอาการดีดดิ้นให้ต้องเจอมากนัก ทั้งยังให้ความมั่นใจได้ดีในการทรงตัว และการเกาะถนน แม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตามถึงระดับ 130 – 140 กม./ชม ก็ตาม ซึ่งน่าจะถูกใจเหล่าพ่อบ้าน แม่บ้านที่รักความนุ่มนวลไม่น้อยทีเดียว แต่สำหรับมนุษย์ผู้รักการขับขี่ล่ะก็ โดยส่วนตัวผมว่ายังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเรื่องของอรรถรสความสปอร์ต
แต่สำหรับมุมมองปกติที่เน้นกลุ่มเป้าหมายของคนใช้งานทั่วไปๆ ที่เน้นความสบายเป็นหลักทั้งในการขับขี่ และฟังค์ชั่นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรมองข้ามทีเดียว ส่วนในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองนั้นต้องยอมรับว่าไม่ได้จริงจังมากนักสำหรับการทดลองขับแบบกลุ่ม