จะเป็น BIKER ต้องเลือก หมวกกันน็อก อย่างไร

หมวกกันน็อกเป็นอุปกรณ์ Safety ที่คนส่วนมากให้ความสำคัญซึ่งในปัจจุบันนี้มีหมวกกันน็อกหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามวิธีการใช้งาน ส่วนจะเลือกหมวกกันน็อกแบบไหนที่จะเหมาะสมกับตัวเราและการใช้งานให้มากที่สุดนั้นเลือกอย่างไรมาดูกัน

รูปแบบของหมวกกันน็อก
หมวกกันน็อกแบ่งออกง่ายๆ ตามรูปแบบของการใช้งานโดยสามารถแบ่งออกได้ 3 แบบใหญ่ๆ นั้นก็คือ
แบบเต็มหน้า Full Face
หมวกแบบปิดเต็มใบหน้าและปิดคางแบบเต็มใบ โดยหมวกรูปแบบนี้สามารถแบ่งย่อยไปได้อีก 4 หมวดด้วยกัน
Sport Helmet
หมวกกันน็อกรูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยสามารถพบเห็นได้ทั่วไปและเป็นที่นิยมอย่างสูงในบ้านเรา มีหลากหลายยี่ห้อ หลายลวดลาย และวัสดุที่แตกต่างกันออกไป หมวกแนวนี้จะเน้นรูปแบบของการไม่ต้านลม โดยจะใช้หลักการของ Aero Dynamic เข้ามาช่วยทำให้ผู้ขับขี่ไปกับตัวรถได้เร็วมากขึ้น

Motocross Helmet / Off-Road / Enduro
หมวกกันน็อกสำหรับรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยหมวกกันน็อกในแนวนี้นั้นจะมีส่วนที่แตกต่างจากรูปทรง Sport อย่างชัดเจนนั้นก็คือ ส่วนครอบของปากนั้นยื่นออกไปให้ห่างจากใบหน้าให้ได้มากที่สุด ด้วยเหตุผลจากการปะทะในการขับขี่รถ Off-Road นั้นเส้นทางจะเป็นรูปแบบของดิน โคลน หิน ทราย โดยส่วนที่ยื่นออกไปนั้นจะทำการป้องกันใบหน้าของเราไม่ให้กระแทก

Modular Helmet
หมวกกันน็อกที่ผสมผสานระหว่างหมวกกันน็อกรูปทรง Sport Full Face กับแบบ Open Face เข้าด้วยกัน โดยจุดเด่นของหมวกในทรงนี้ก็คือสามารถยกส่วนที่ปกป้องคางของผู้สวมใส่เปิดในรูปแบบของหมวก Open Face


Advanture Helmet
รูปแบบของหมวกทรงนี้จะคล้ายๆ กับหมวกกันน็อกทรง Motocross แต่จะมีส่วนของบังลมที่ปิดทั้งใบหน้า และสามารถเปิดคางเป็นแบบ Open Face ได้

แบบเปิดคาง Open Face
หมวกกันน็อกอีกรูปแบบหนึ่งที่คนไทยนิยมใช้เป็นอย่างมากเพราะด้วยราคาและรูปทรงที่ใส่และถอดง่ายๆ


แบบครึ่งใบ Half Helmet
รูปแบบของหมวกกันน็อกทรงนี้ในประเทศไทยจะได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะด้วยอากาศที่ร้อนของประเทศไทย นั่นเอง

วิธีเลือกหมวก
1.รู้จักแนวของรถที่ตัวเองขับขี่
ต้องรู้ว่าตัวเองกำลังขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แนวไหนอยู่ คือถ้าขี่รถระดับซุปเปอร์สปอร์ตแต่ดันใส่หมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ หรือเราใช้หมวกแบบ Off-road ในการขับขี่รถสปอร์ต
2.เลือกตามขนาดของศีรษะผู้สวมใส่
การสวมใส่หมวกกันน็อกนั้น จะต้องไม่คับ หรือหลวม จนเกินไป ซึ่งหมวกแต่ล่ะยี่ห้อขนาดของไซส์นั้นจะมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป ต้องทดลองสวมใส่ก่อนการซื้อทุกครั้ง โดยเทคนิคง่ายๆ ก็คือ ในการทดลองสวมใส่นั้น ลองสวมหมวกและใส่สายรัดคาง แล้วลองเอามือผลักแก้ม หากหมวกไม่เลื่อนออกจากที่สวมใส่หรือบดบังทัศนะวิสัยของผู้ขับขี่ นั้นก็ถือว่าใช้ได้
3.น้ำหนักและกระจกบังลม
ลองมองทัศนะวิสัยของการมองเห็น กระจกบังลม อาจจะมีบางมุมที่ทำให้การมองเห็นของเราผิดเพี้ยนได้ โดยจะสามารถสังเกตได้บริเวณมุมทั้งสี่มุมของกระจกบังลม ว่ามีความผิดเพี้ยนไปมากน้อยขนาดไหน และการมองเห็นหลังจากการสวมใส่แล้วมันทำให้มุมมองของเราแคบลงไปหรือไม่ ส่วนเรื่องของน้ำหนักของหมวก จะต้องคำนึงถึงการรับน้ำหนักของหมวกที่เราสวมใส่ด้วย ถ้าจะเอาแต่ลายสวยแต่น้ำหนักมากเกินไปก็อาจจะทำให้เมื่อยคอได้ ในเรื่องของน้ำหนักนั้นก็จะขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาผลิตและรูปแบบของการผลิต รวมไปถึงความหนาของชั้น
4.ราคา
เรื่องของราคานั้นก็เป็นส่วนสำคัญอีกย่างหนึ่ง ในการเลือกซื้อหมวกกันน็อก จะเห็นได้ว่าหมวกแบรนด์ดังๆราคาแพงมาก ทั้งๆที่ทรงของหมวกนั้นก็แทบจะไม่ต่างกัน จริงๆมันอยู่ที่วัสดุ เทคโนโลยีในการผลิต การผ่านมาตรฐานระดับสากล(ที่อาจจะใช้ไม่ได้กับประเทศของเรา) รวมไปถึงประวัตศาสตร์ของแบรนด์ นั่นเอง

ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าไปขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ประจำร้านได้เลย หรือแม้กระทั่งผู้มีประสบการณ์ที่รู้จัก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยในการเลือกอุปกรณ์ Safety ชิ้นสำคัญชิ้นนี้


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |



Warning: First parameter must either be an object or the name of an existing class in /home/iamadmin/domains/iamcar.net/public_html/wp-content/themes/iamcar/template-parts/content-single.php on line 85