HONDA ACCORD HYBRID TECH หรูหรา ผสม สปอร์ต โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี HONDA SENSING ด้านความปลอดภัย ด้วย ราคาเริ่มต้นที่ ราคา 1,639,000 บาท

โพสต์เมื่อ 10 สิงหาคม 2019 เวลา 14:13 น. หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย Joey24

แน่นอนว่ารถที่จะซื้อรถแบบ Hybrid มาใช้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงดีไซน์ที่มีความล้ำสมัย ซึ่ง Honda ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของการ ออกแบบดีไซน์รูปลักษณ์อยู่แล้วโดยเฉพาะ Honda Accord
ซึ่งหลังจากที่ทาง Honda ได้เปิดตัว All-new Honda Accord 2019 ไปในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ทางฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด จัดกิจกรรมการทดสอบ Honda Accord Hybrid ใหม่ ในเส้นทางทางภาคใต้ที่จังหวัดกระบี่-พังงา ระยะทางประมาณ 153 กิโลเมตร

HONDA ACCORD HYBRID TECH

หลายคนคงได้เห็นรูปโฉมของ All-new Honda Accord 2019 เจนเนอเรชั่น 10 กันมาบ้างแล้ว ซึ่งสำหรับ Accord Hybrid ใหม่นี้ มาในแบบการเปลี่ยนแปลงโฉมชุดใหญ่ ดูเน้นที่ความหรูหราและความสปอร์ตเข้ามาไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบโครเมียม กับโคมไฟหน้าที่เป็นแบบ LED ที่ก็รวมไปถึงไฟตัดหมอก และไฟท้ายด้วย โดดเด่นด้วยล้อขนาดใหญ่ถึง 18 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง 235/45 R18 พร้อมซันรูฟ (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH)

ภายใน ส่วนของตำแหน่งท่านั่ง ตัวเบาะถูกออกแบบมาให้มีตำแหน่งที่เตี้ยลงกว่าเดิม สามารถปรับท่านั่งแบบไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และยังเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ มีความโอบกระชับไม่มากนักในแบบกำลังสบาย โดยเบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และยังเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ

คอนโซลหน้ามีจอขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ที่ใช้งานง่ายและว่องไวไม่เบา ส่วนของหน้าปัดเป็นจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์

พร้อมปุ่มควบคุมระบบการทำงานที่อยู่ใน Honda SENSING ได้แก่ ACC with LSF และ LKAS (รุ่น HYBRID) หรือพร้อมปุ่มควบคุมระบบการทำงานที่อยู่ใน Honda SENSING ได้แก่ ACC with LSF, LKAS และ HUD (รุ่น HYBRID TECH)

และอีกอย่างที่อยากจะบอกก็คือ ด้านหลังพวงมาลัยที่ดูเหมือน Paddle Shift ที่เอาไว้เล่นเกียร์ซึ่งไม่ใช่ จริงๆมันเอาไว้ปรับระดับในการชะลอความเร็วของรถที่สามารถเลือกระดับได้ 4 ระดับ

อัดแน่นด้วยฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล

ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (ในทุกรุ่น) และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH)

นอกจากนี้ Honda Accord Hybrid ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้นำเอาแบตเตอรี่ หรือที่เรียกว่า IPU ย้ายจากห้องสัมภาระด้านท้ายมาไว้ใต้เบาะหลัง ส่งผลให้มีที่เก็บสัมภาระมากถึง 573 ลิตร

ระบบช่วยจอด Honda Smart Parking Assist System

ในการทดสอบครั้งนี้ยังได้ลองระบบช่วยจอด ที่ทำได้ 2 วิธี คือกดปุ่มใช้งานกล้องมองภาพรอบทิศทางที่ก้านปัดน้ำฝนด้านซ้าย หรือกดเลือกได้จาดเมนูของหน้าจอเครื่องเสียง จากนั้นเข้าเกียร์ “D” และกดปุ่มรูปพวงมาลัยที่มีตัว P เพื่อเข้าสู่ระบบช่วยจอด ซึ่งจะมีเมนูย่อยขึ้นมาให้เลือกว่าจะจอดแบบไหน “ถอยหลัง” หรือ “ขนาน” ระบบจะแสดงกรอบสีเขียวเพื่อกำหนดพื้นที่จอดด้านซ้ายและขวา จากนั้นเลือกช่องจอดกดบนหน้าจอ และทำตามคำสั่ง เดินหน้า/ถอยหลัง หรือ “เหยียบเบรกเท่านั้น” ในขณะเดียวกันระบบจะควบคุมพวงมาลัยให้อัตโนมัติ และเมื่อพบสิ่งกีดขวางระบบจะเบรกอัตโนมัติให้

ลองขับจริง

โดยทันที่ที่กดคันเร่งเพื่อเรียนรู้ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า

โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง ซึ่งสามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ได้อย่างต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ
โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่
โดยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร

อีกทั้งยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต(Sport Drive Mode) ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม SPORT ที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ โดยสัญลักษณ์ SPORT จะแสดงขึ้นบนมาตรวัดในขณะที่ใช้ระบบ อีกทั้ง ECON Mode ระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน นอกจากนั้น ระบบจะปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งทั้งหมดของ All New Honda Accord Hybrid สามารถสร้างอารมร์ในการขับขี่ได้ 2 อารมณ์ ทั้งในแบบ มาดผู้ดี หรูหราไปเรื่อยแต่มีพลัง กับ อารมณ์สปอร์ตที่ต้องการความปราดเปรียวในการขับขี่โดยการใช้ Sport Mode แต่ถึงแม่จะให้ฟิลลิ่งของแรงบิดที่มีอย่างต่อเนื่องแบบ “ติดเท้า” ช่วงจังหว่ะกดคันเร่งเต็ม ในช่วงแรกสามารถสร้างแรงบิดที่ดึงแบบพอมีอารมณ์ แต่ในช่วงปลายแอบมีแผ่วๆนิ่งๆไป เอาง่ายๆก็คือ “มาเร็วมาแรง แต่หมดไว” นั่นเอง
ช่วงล่างให้ความรู้สึกหนึบ แน่นดี จังหว่ะโยนรถ แน่นไม่มีแถมให้ได้เสียว พวงมาลัยเฉียบคมแม่นยำ ที่น่าจะเป็นเพราะขนาดไซน์ยางแนวซิ่งเข้ามาช่วย

สำหรับ All New Honda Accord Hybrid เป็นรถที่มีมาให้ครบทั้งความหรูหรา แบบ ความสปอร์ตในคันเดียว ทั้งเรื่องสมรรถนะและการดีไซน์ อันรวมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน และก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถสร้างการตัดสินใจของผู้ที่ต้องการรถแนวนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่