Mercedes-Benz Thailand ย้ำฐานะผู้นำยนตรกรรมสมรรถนะสูง นำทีมเซอร์ไพรส์ด้วย 2 ตัวแรง Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé

โพสต์เมื่อ 6 พฤษภาคม 2019 เวลา 20:56 น. หมวดหมู่: รถใหม่ในประเทศ โดย Poyee Poyee

Mercedes-AMG GT, Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé, Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé

ค่ายดาวสามแฉก Mercedes-Benz Thailand “เล่นใหญ่” รับต้นปี 2019 ดึงเอา 5 สายพันธ์รถหรู “สมรรถนะสูง ตระกูล AMG เปิดตัว ตรึงเวทีเมืองไทยสาดแสงไฟใส่ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ในฐานะการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Mercedes-AMG GT “แฝดสายโหด” ผู้มากับเซอร์ไพรส์

“2 แฝดสายโหด” มากับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ Mercedes-AMG GT 4-Door Coupé สมาชิกใหม่ของรถยนต์ตระกูล Mercedes-AMG GT ที่พัฒนาขึ้นตามแนวคิด “ชีวิตคือการแข่งขัน หรือ Life is a Race”

โดยวางพื้นฐานให้เป็นรถ 4 ประตูอันเต็มไปด้วยความสปอร์ต ทั้งยังเป็นรุ่นแรกที่ Mercedes-AMG เป็นผู้ลงมือพัฒนาเองทุกกระบวนการ เพื่อสร้างส่วนผสมที่ลงตัวทั้งความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เพื่อสนองตอบต่อการขับขี่ในทุกอารมณ์

รูปลักษณ์ภายนอกแบบ 4 ประตู ได้รับการสืบเชื้อสายงานดีไซน์มาจากยนตรกรรมตระกูล SLS และ AMG GT โดยมีจุดเด่นจากมุมมองด้านหน้า ที่ประกอบด้วย ตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ที่วางอยู่บนชุดกระจังหน้าแบบ AMG-Specific Radiator Grille พร้อม Aerofoil ที่สามารถยืด และหดได้ด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์

ตามด้วยการใช้ระบบไฟหน้าแบบ Multibeam LED จำนวน 84 หลอดต่อข้าง เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ด้านบนมากับหลังคา Sun Roof ระบบไฟฟ้า

ส่วนด้านข้างเสริมความโหดล้ออัลลอย AMG น้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว 5 ก้านคู่ ที่ซุกชุดเบรก AMG High-Performance ไว้ภายใน โดยมีด้านหลังที่ดุดันด้วยท่อไอเสียคู่แบบ Two Round Twin Tailpipe เฉพาะของ AMG

ภายในห้องโดยสารของทั้ง 2 รุ่น ถูกออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ “จัดเต็ม” เช่น หน้าจอแบบ Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 หน้าจอ พร้อมระบบเครื่องเสียง Burmester® Surround Sound System รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay™ และ Android Auto ที่สามารถควบคุมได้จาก Touchpad แบบใหม่ บนพวงมาลัยแบบ AMG Performance ทรงสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa

ส่วนความต่างระหว่าง 2 รุ่น คือ AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé จะมากับเบาะด้านหลังแบบ 3 ที่นั่ง หุ้มหนัง ARTICO ตัดสลับ DINAMICA microfibre โดยที่ AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé มาพร้อมเบาะที่นั่งด้านหน้า แบบ AMG Performance Seats และเบาะด้านหลังตกแต่งด้วยหนังสุดหรูระดับไฮ-คลาสแบบที่นั่งเดี่ยว ระดับเดียวกับการนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้นธุรกิจ

2 สไตล์ เร้าใจด้วย “สมรรถนะโหด”

AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé มาพร้อมกับ ระบบ EQ Boost หรือ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ เพื่อช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ พร้อมกับความสามารถในการสร้าง และจ่ายไฟฟ้า สู่ระบบของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ ส่วนหน้าที่ขับเคลื่อนเป็นของเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ พิกัด 3.0 ลิตร ที่มอบเรี่ยวแรงให้ใช้ถึง 435 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 520 นิวตันเมตร สร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.5 วินาที และท็อปสปีดสูงสุดที่จุดไป 285 กม./ชม.

สำหรับพี่ใหญ่ในรุ่นอย่าง AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé นั้นเล่น “ของใหญ่” ด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 Biturbo พิกัด 4.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 639 แรงม้า และแรงบิดหนักหน่วงถึงระดับ 900 นิวตันเมตร ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.2 วินาที พร้อมกับท็อปสปีดสูงสุด 315 กม./ชม.

ยกระดับประสิทธิภาพการควบคุมให้มั่นใจยิ่งขึ้นด้วย ระบบควบคุมการเลี้ยวล้อหลัง AMG Rear Axle Steering จากออพชั่น AMG DYNAMIC PLUS package ที่นอกจากใช้ยางรองแท่นเครื่องยนต์ และเกียร์แบบไดนามิกแล้ว ยังจัดระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตมาให้อีกด้วย

อุปกรณ์มาตรฐาน ประกอบด้วย ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift TCT 9 สปีด ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะ เพื่อช่วยให้มันส์ได้กว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ หรือโหมด Individual, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+, ระบบช่วงล่าง AMG Ride Control+ ที่เลือกใช้ระบบ ADS+ ได้ 3 ระดับ ไปจนถึงระบบ AMG Dynamic Select ที่เลือกได้ 3 โหมด คือ Sport, Sport+ และ Individual

รวมถึงระบบความปลอดภัยสำหรับเจ้าของ และเพื่อนร่วมท้องถนน เช่น ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus), ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก, ระบบกุญแจรถยนต์แบบ Keyless-Go และระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ที่มาพร้อมกับกล้อง 360 องศา