เมอร์เซเดส-เบนซ์ สื่อสารความเท่าเทียมผ่านดีไซน์บูธ “FUTURE FOR ALL” พร้อมส่ง 4 ยนตรกรรมรุ่นล่าสุด จัดแสดงครั้งแรกในงาน Motor Expo 2023
เมอร์เซเดส-เบนซ์ สื่อสารความเท่าเทียมผ่านดีไซน์บูธ “FUTURE FOR ALL”
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เชิญชวนลูกค้าชาวไทยสัมผัสมิติใหม่ของการออกแบบบูธจัดแสดงรถยนต์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “FUTURE FOR ALL” ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 (Motor Expo 2023) สะท้อนถึงความเท่าเทียมของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ด้วยการออกแบบบูธที่ไร้ทางต่างระดับแบบ Universal Design ให้ทุกคนเข้าถึงบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมรับประสบการณ์ที่เหนือระดับผ่านทัพยนตรกรรมหลากหลายรุ่น นำโดย 4 รุ่นล่าสุดอย่าง GLC 220 d 4MATIC Avantgarde, EQE 350 4MATIC SUV Electric Art, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, C 220 d AMG Line และยนตรกรรมอีกกว่า 15 รุ่น ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคนพิเศษทุกคนที่เข้าชมบูธภายในงาน หรือไปที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์
(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เราให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนเป็นอันดับแรกเสมอ นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สิ่งหนึ่งที่เรามองเห็นคือการเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างของทุกคน ในงาน Motor Expo ปีนี้ เราจึงมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “FUTURE FOR ALL” ที่ย้ำจุดยืนในเรื่องความหลากหลาย (Diversity) ความเท่าเทียม (Equity) และการเคารพถึงความแตกต่าง (Inclusion) และเป็นที่มาของการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของบูธให้ดีกว่าเดิม โดยเราตัดสินใจนำทางต่างระดับของบูธออกไปและทำให้ดีไซน์ของบูธตรงตามหลักการออกแบบอย่างเท่าเทียม หรือ Universal Design ซึ่งจะรองรับการเข้าถึงของผู้ที่ใช้วีลแชร์ ทั้งกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กและใช้รถเข็นเด็ก ทำให้ทุกคนเข้ามาที่บูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างสะดวกสบายและรับประสบการณ์แบบเดียวกัน โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ”
จากคอนเซ็ปต์ “FUTURE FOR ALL” ที่สะท้อนผ่านดีไซน์การออกแบบบูธตามหลัก Universal Design อีกหนึ่งความโดดเด่นภายในบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือการนำเสนอโมเดลรถรุ่นใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลายและมีไลฟ์สไตล์การใช้งานที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งรถเอสยูวีรุ่นขายดีตลอดกาลของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่าง The new GLC ที่เสริมไลน์อัพด้วยเครื่องยนต์ดีเซลพร้อมขุมพลังแบบ Mild Hybrid ในรุ่น “GLC 220 d 4MATIC Avantgarde”, “EQE 350 4MATIC SUV Electric Art” เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นเริ่มต้นจากตระกูล EQE SUV ที่ขับขี่ได้ไกลถึง 558 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง, “The new GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic” ที่สุดแห่งยนตกรรรมเอสยูวีสุดหรูที่ผสานสมรรถนะอันทรงพลังและความสะดวกสบายได้อย่างไร้ที่ติ และ “C 220 d AMG Line” รุ่นย่อยล่าสุดจาก The new C-Class อีกหนึ่งไลน์อัพรถซีดานยอดนิยมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มาพร้อมเอกลักษณ์ดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน
ข้อมูลเบื้องต้น – GLC 220 d 4MATIC Avantgarde (ราคาจำหน่าย 3,720,000 บาท)
อีกหนึ่งทางเลือกเครื่องยนต์จาก The new GLC “GLC 220 d 4MATIC Avantgarde” ยนตรกรรมที่พร้อมก้าวสู่โลกแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654M แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-cooled turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้านี้จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในขณะเบรก สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์แบบเงียบ ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและลดการสั่นในการสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะใช้งาน Eco Start/Stop และยังช่วยเพิ่มแรงบิดและรอบเครื่องยนต์ขณะที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่ำ โดยมอบพละกำลังได้สูงถึง 17 กิโลวัตต์ ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 197 แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ยังทรงพลัง และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6.5%
ข้อมูลเบื้องต้น – EQE 350 4MATIC SUV Electric Art (ราคาจำหน่าย 4,850,000 บาท)
EQE SUV รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เปิดตัวในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น “EQE 350 4MATIC SUV Electric Art” รุ่นกลาง “EQE 350 4MATIC SUV AMG Line” และรุ่นท็อป “EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic” มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่แบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) ติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้าและหลัง มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 765 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.6 วินาที ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูง 396V แบบ Lithium-ionที่มีความจุมากถึง 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 30 นาที
ข้อมูลเบื้องต้น – GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic (ราคาจำหน่าย 5,590,000 บาท)
GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ตัวแทนด้านขุมพลังแห่งสมรรถนะและความสะดวกสบาย อันเหนือระดับ สะท้อนตัวตนความเป็นรถยนต์สไตล์ออฟโรดดีไซน์เฉียบคมได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล OM654M แบบ 4 สูบเรียงขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบ turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-cooled turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ให้พละกำลังสูงถึง 15 กิโลวัตต์ ทำให้ The new GLE มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุดถึง 269 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,200 รอบต่อนาที สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 6.9 วินาที ผสานการทำงานกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ยังทรงพลังในทุกโมเมนต์
ข้อมูลเบื้องต้น – C 220 d AMG Line (ราคาจำหน่าย 2,880,000 บาท)
C 220 d AMG Line ถือเป็นรถยนต์ซีดานดีไซน์โฉบเฉี่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654M แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบ turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-cooled turbocharger ผสานการทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ให้พละกำลังสูงถึง 17 กิโลวัตต์ ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 7.3 วินาที พร้อมจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลอย่างเหนือระดับ และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6.5% พร้อมนำเสนออีกขั้นของเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเข้ากับยุคแห่งดิจิทัล
นอกเหนือจากการนำเสนอยนตรกรรม 4 รุ่นล่าสุดแล้ว ภายในบูธยังมีการจัดแสดงกล้อง Mercedes-Benz Drive Recorder 360 องศา อุปกรณ์ตกแต่งใหม่ล่าสุด (MB Accessories) ที่มีดีไซน์ผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์ มาให้ทุกคนได้สัมผัสเป็นครั้งแรก โดยกล้องตัวนี้สามารถบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวรถในระหว่างการเดินทางและขณะจอดรถ โดยประกอบไปด้วยกล้อง 3 ตัว ได้แก่ กล้องด้านหน้า QHD, Surround sQHD และกล้องด้านหลัง FHD ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถจับภาพวิดีโอได้รอบทิศทาง ทั้งภายนอกและภายในรถยนต์ของคุณ มาพร้อมการรับประกันความคุ้มครอง 2 ปี ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเดินทางได้อย่างปลอดภัยเหนือระดับ โดยมีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ในราคาแนะนำ 19,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ไม่รวมค่าแรงในการติดตั้ง) ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
พบกับสุดยอดยนตรกรรมทุกรุ่นจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 (Motor Expo 2023) ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี ในระหว่างวันที่ 1 – 11 ธันวาคม 2566 นี้ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเดียวกับ Motor Expo ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth