MIDAS ฟิล์มกรองแสงระดับ HI-END ชูเทคโนโลยีเจ๋งเหนือสินค้าคู่แข่ง คุณภาพโดนใจผู้บริโภค
เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ฟิล์มกรองแสงระดับไฮเอนด์ MIDAS หลังจากทดลองทำตลาดมากว่า 2 ปี ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ชูกลยุทธ์สินค้าคุณภาพและเทคโนโลยีระดับสูงที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด ตั้งเป้าภายใน 2 ปี ขอส่วนแบ่งตลาดฟิล์มกรองแสง 10% ขยายเพิ่มตามหัวเมืองใหญ่อีก 30 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มไลน์สินค้าฟิล์มกรองแสงอาคาร SMART FILM ปรับความเข้ม-อ่อนด้วย SMARTPHONE
MIDAS ฟิล์มกรองแสงระดับ HI-END
นางสาวพรรษมณฑ์ โรจน์ดำรงพินิจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เซเว่นตี้ทู อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รับการแต่งตั้งจากทาง MIDAS EXPORT USA ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชีย จำหน่ายฟิล์มกรองแสงระดับ HI-END ภายใต้ชื่อแบรนด์ MIDAS
MIDAS เป็นฟิล์มกรองแสงจากประเทศอเมริกาที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทำตลาดมากว่า 21 ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการตอบรับจากลูกค้าในอเมริกาเป็นอย่างดี จากประสบการณ์และการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เป็นที่ยอมรับมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก กับผลิตภัณฑ์ฟิล์มในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีออกวางจำหน่ายแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
- ฟิล์มนิรภัย (SAFETY FILM) ฟิล์มสำหรับติดตั้งกระจกเพิ่มความปลอดภัย ซับแรงกระแทก และป้องกันอันตรายจากเศษกระจกที่แตกกระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะยึดเศษกระจกที่แตกไม่ให้ร่วงหล่นและปลิวกระจาย นอกจากนี้ ยังช่วยลดความร้อนและป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต
- ฟิล์มใสกันรอย (PAINT PROTECTION FILM) รอยติดตั้งบริเวณตัวถังรถยนต์เพื่อปกป้องสีรถยนต์ เนื้อฟิล์มมีสาร COATING ในตัว ทำให้สีของรถดูเงางามอยู่เสมอ และยังมีเทคโนโลยี SELF HEALING ที่สามารถฟื้นฟูรอยขีดข่วนต่างๆด้วยความร้อนทุกชนิด เนื้อฟิล์มยังมีคุณสมบัติการไล่น้ำแบบ HYDROPHOBIC และยังทนต่อสารทำละลายได้ทุกชนิด เช่น ทินเนอร์ น้ำมันเบรก
- ฟิล์มกรองแสงสามารถเปลี่ยนสีได้อัตโนมัติ (PHOTOCHROMIC FILM) เหมือนเลนแว่นที่ปรับแสงได้ โดยมีปัจจัยที่มากระตุ้นให้ฟิล์มเปลี่ยนสีได้ คือ แสง อุณหภูมิ และ UV เป็นฟิล์มที่อออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานง่ายในตอนกลางคืน และกันความร้อนจากอินฟาเรดได้ถึง 99%
“ด้วยคุณสมบัติพิเศษของฟิล์มกรองแสง MIDAS ทำให้เรา เซเว่นตี้ทู อินเตอร์เทรด มีความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ จึงได้มีการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดฟิล์มกรองแสงในเมืองไทย เราจึงเล็งเห็นว่าความแปลกใหม่และเทคโนโลยีของ MIDAS น่าจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าเมืองไทยได้เป็นอย่างดี เพราะลูกค้าในปัจจุบันมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยแตกต่างจากสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปในตลาด โดยเรามุ่งเน้นตอบสนองและเจาะจงกับกลุ่มลูกค้าระดับ HI-END ที่ต้องการความแปลกใหม่ของสินค้า”
นางสาวพรรษมณฑ์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจาก MIDAS เมื่อปี พ.ศ. 2559 เราได้เริ่มดำเนินการทำตลาดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นเวลากว่า 2 ปีในการทำตลาด ด้วยคุณภาพของสินค้าส่งผลให้ลูกค้าที่นำไปใช้ ได้บอกกันแบบปากต่อปาก จนส่งผลให้ยอดขายในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันทางเรามีดีลเลอร์ 25 รายทั่วประเทศ และในปี พ.ศ. 2561 นี้ เราจะขยายดีลเลอร์ตามหัวเมืองเพิ่มอีก 30 แห่ง โดยจุดเด่นของดีลเลอร์ของเราจะเป็นศูนย์ดูแลรถยนต์ครบวงจร และมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจประเภทนี้มานาน
“ในปีหน้านี้ทางบริษัทฯ จะทำการตลาดในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น จากการวิเคราะห์การตลาดถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค มีความต้องการสินค้าที่แปลกใหม่ และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยแตกต่างจากสินค้าทั่วไป ดังนั้น เราจึงต้องมีการประชาสัมพันธ์คุณสมบัติและคุณภาพของสินค้า MIDAS สื่อสารให้ถึงผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านเครื่องมือสื่อสารในทุกแขนง รวมถึงสื่อโซเชียลออนไลน์ต่างๆ มากขึ้น เพื่อการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง เพราะปัจจุบันในตลาดฟิล์มกรองแสงนั้นมีสินค้าหลากหลายระดับ หลากหลายยี่ห้อ รวมถึงในปีหน้าจะมีแบรนด์ต่างๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดสูงยิ่งขึ้น ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จนั้น สินค้าจะต้องมีคุณภาพจริงๆ ถึงจะอยู่ได้ เพราะผู้บริโภคมีการค้นหาข้อมูล และศึกษาผลิตภัณฑ์อย่างจริงจังก่อนพิจารณาการซื้อ ฉะนั้น ถ้าสินค้าไม่ได้คุณภาพคงอยู่ในตลาดไม่ได้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 2 ปีจะขอส่วนแบ่งการตลาด 10% จากตลาดรวมฟิล์มกรองแสง” นางสาวพรรษมณฑ์ กล่าว
นางสาวพรรษมณฑ์ ยังกล่าวต่อไปว่า “นอกเหนือจากฟิล์มกรองแสงและฟิล์มในอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว บริษัทฯกำลังจะเปิดไลน์สินค้าใหม่อีก 1 โปรดักส์ คือ ฟิล์มสำหรับอาคารที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย SMART FILM เป็นผลิตภัณฑ์ฟิล์มที่เหมาะสำหรับบ้านหรู โรงแรมหรู ห้องประชุม คุณสมบัติพิเศษคือ เป็นฟิล์มที่สามารถเปลี่ยนกระจกใสเป็นทึบ หรือกระจกทึบเป็นใสภายในพริบตา เฉดสีสวย ปรับสีอ่อนมาเป็นสีเข้มได้ด้วยรีโมท DIMMER หรือสวิตช์เปิด-ปิด และยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกมากมาย สามารถควบคุมด้วยแอพพลิเคชั่นผ่าน SMARTPHONE ของคุณเอง ไม่ว่าคุณจะอยู่ใกล้หรือไกลหมดกังวลเรื่องการเปิด-ปิด ซึ่งจะเป็นอีกโปรดักต์หนึ่งที่บริษัทจะทำตลาดในปีหน้า”