มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2562
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกาศยอดจำหน่ายไตรมาสแรกปี 2562
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศยอดจำหน่ายไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยยอดจำหน่ายรวม 23,991 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งอุตสาหกรรมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมปี 2562 อยู่ที่ 263,549 คัน หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ทั้งนี้ส่วนแบ่งการตลาดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.1 จากเดิมร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“เราเริ่มต้นปี 2562 ด้วยผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ โดยเป็นผลจากการนำเสนอยานยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและการออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งสามารถยืนยันได้จากรางวัลเกียรติยศต่างๆ อย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ผมจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในปีนี้” มร. โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
“เรายังคงมุ่งมั่นนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่และรุ่นพิเศษแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องในปี 2562 พร้อมด้วยการพัฒนาคุณภาพและทักษะของบุคลากร ควบคู่กับการยกระดับกิจกรรมด้านการตลาด เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า” มร. ชกกิ กล่าวเพิ่มเติม
โดยในไตรมาสแรกนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน มีส่วนแบ่งยอดจำหน่ายมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 42 จากยอดจำหน่ายรวมทุกรุ่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในขณะที่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดจำหน่ายที่ร้อยละ 18 สะท้อนถึงเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า โดยปัจจุบันมียอดจำหน่ายสะสมกว่า 10,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนสิงหาคมปีก่อน และยังประสบความสำเร็จเหนือกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มียอดจำหน่ายที่ร้อยละ 16 ในขณะที่รถซิตี้คาร์ทั้ง มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ มียอดจำหน่ายรวมกันที่ร้อยละ 24
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้นอกจาก มิตซูบิชิ ไทรทัน และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ แล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 7 รุ่น เพื่อช่วยขับเคลื่อนความความสำเร็จและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากกว่าร้อยละ 9 ในปีปฏิทิน 2562 นี้