มิตซูบิชิ 4 รุ่น 4 สไตล์ ปาเจโร สปอร์ต, ไทรทัน, แอททราจ และ มิราจ สานความสัมพันธ์ไทยกับญี่ปุ่น พาท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา ในโอกาสฉลองครบ 130 ปี ความสัมพันธ์ไทยกับญี่ปุ่น
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จํากัด พาสื่อมวลชนขับรถยนต์มิตซูบิชิ 4 รุ่น 4 สไตล์ นำทัพโดย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ ไทรทัน, มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ร่วมท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา ในโอกาส 130 ปี ฉลองความสัมพันธ์ไทยกับญี่ปุ่น โดยเดินทางรูปแบบคาราวานท่องเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพ-อยุธยา
การท่องเที่ยวในครั้งนี้ สื่อมวลชนได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถยนต์ มิตซูบิชิ 4 รุ่น 4 สไตล์
ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ ไทรทัน, มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ
ซึ่งเป็นพาหนะในการเดินทางแล้วนั้น ทริปนี้ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีต ที่อาศัยอยู่ร่วมกันหลากหลายเชื้อชาติด้วยความสันติสุข ณ อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยการเดินทางทริปนี้เริ่มออกสตาร์ที่โรงแรม MODENA ข้างตึก FYI ซึ่งเป็นที่ตั้งกองบัญชาการใหญ่ของ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จํากัด เมื่อได้เวลา และรถยนต์ 4 รุ่น 4 สไตล์ ทั้ง 10 คัน พร้อมแล้ว ฟิโอน่าก็กระโดดขึ้น มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รถยนต์อเนกประสงค์พันธุกรรมรถแข่ง ติดตามคณะคาราวานสื่อมวลชนมุ่งหน้าไปพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสถานที่แรกที่เราได้ไปเยือนคือ
หมู่บ้านญี่ปุ่น (ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา)
หมู่บ้านญี่ปุ่น จัดตั้งขึ้นตามโครงการที่นักวิชาการไทย และนักวิชาการญี่ปุ่น ปรับขยายมาจากข้อเสนอเดิมของสมาคมไทย-ญี่ปุ่น และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเคยเสนอปรับปรุงบริเวณที่เคยหมู่บ้านญี่ปุ่น ให้จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น มาเป็นการเสนอให้จัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสถาบันวิจัย และพิพิธภัณฑ์สถานเกี่ยวกับราชอาณาจักรอยุธยาโดยรวม และได้รับงบประมาณช่วยเหลือแบบให้เปล่า จากรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นเงิน 999 ล้านเยน (170 ล้านบาท) เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในพระบรมราชวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา และเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่มิตรภาพระหว่างประเทศญี่ปุ่น กับราชอาณาจักไทยได้สถาพรยืนนานมาครบ 100 ปี และจากวันนั้นถึงวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นก็ดำเนินมาถึงปีที่ 130 แล้ว เป็นโอกาสที่ดีที่มิตซูบิชิพาเรามาร่วมสัมผัสประวัติศาสตร์ที่นี่อีกครั้ง
ซึ่งหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งนี้ จะบอกเล่าเรื่องราวสมัยที่อยุธยารุ่งเรืองถึงขีดสุด มีการค้าขายกับนานาชาติ หลายประเทศรวมทั้งญี่ปุ่น จนเป็นชุมชนญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในไทย โดยมี ยามาดะ นางามาซะ เป็นผู้นำและหัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่นในสมัยนั้น ยามาดะ นางามาซะ ได้ตั้งกองอาสาญี่ปุ่นขึ้นมาร่วมต่อสู้เคียงข้างกับพระมหากษัตริย์ และช่วยปราบกบฎจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็น ออกญาเสนาภิมุข และได้ถวายงานจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในเวลาต่อมา
ภายในหมู่บ้านญี่ปุ่น มีความสงบและร่มเย็นรายล้อมด้วยการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น ชวนให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศโดยรอบ มีอาคารจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์อย่างละเอียดทั้งเรื่องการดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ วัฒนธรรมประเพณี รวมไปถึงเรื่องอาหารการกิน ซึ่งที่นี่จะได้เรียนรู้ความเป็นมาของขนมไทย และบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คือ ท้าวทองกีบม้า หรือ มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา (Maria Guyomar de Pinha) ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น หัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ว่ากันว่านางได้ประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส อาทิ ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง, ทองม้วน และหม้อแกง จนได้สมญาว่าเป็น “ราชินีแห่งขนมไทย”
เมื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านญี่ปุ่น เติมความรู้เข้าสมองอย่างจุใจแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเติมพลังให้กับร่างกายบ้าง ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ทีมงานมิตซูบิชิพาเราไปลิ้มรสกับขนมจีนหลากรสชาติ ที่ร้านขนมจีนต้นก้ามปูอโยธา
ร้านขนมจีนต้นก้ามปูอโยธยา
ตั้งอยู่ใกล้วัดใหญ่ชัยมงคล ตกแต่งร้านไสไตล์ย้อนยุค เหมือนมานั่งทานข้าวบ้านคุณยายอะไรประมาณนี้ โดยรวมแล้วดูร่มรื่น สามารถนั่งรับลมด้านนอก หรือเป็นคนขี้ร้อนก็เข้าไปนั่งในห้องแอร์ได้ตามอัธยาศัย เมนูของที่นี่จะออกแนวอาหารเหนือเป็นหลัก มีทั้ง ไส้อั่ว แหนมหมก หมูทอด ไก่ทอด แต่ที่เป็นไฮไลท์น่าจะเป็นนมจีน ซึ่งมีให้เลือกน้ำแกงหลากหลาย อาทิ น้ำยาปูก้อน (อันนี้ทีเด็ด), น้ำเงี๊ยว แบบล้านนาสไตล์, เขียวหวาน, น้ำพริก, น้ำยาปลาช่อน ฯลฯ รสชาติอาหารร้านนี้จะกลางๆ ไม่จัดจ้านมากมายนัก ถือว่าเป็นมิตรต่อท้องไส้
เมื่อกองทัพรับพลังอย่างเต็มอิ่มแล้ว ได้เวลาไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตกันเสียหน่อยที่ วัดหน้าพระเมรุ
วัดหน้าพระเมรุ
มีชื่อเดิมว่า “วัดพระเมรุราชการาม” แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างในสมัยใด พิจารณาได้ว่า น่าจะเป็นวัดสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง ในต้นสมัยอยุธยา เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าทำลาย และยังคงสภาพที่ดีมาก เพราะพม่าได้ไปตั้งกองบัญชาการอยู่ที่วัดนี้ พระอุโบสถเป็นแบบอยุธยาซึ่งมีเสาอยู่ภายใน แต่น่าจะมาเพิ่มเสารับชายคาที่หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ที่สุดที่ปรากฏและมีความงดงามมาก ด้านหลังพระอุโบสถยังมีอีกองค์หนึ่งแต่เล็กกว่า คือ พระศรีอริยเมตไตรย์ สิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งคงสร้างขึ้นราวรัชกาลของพระเจ้าปราททอง หน้าบันของพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักปิดทองที่แสดงรูปพระนารายณ์ทรงครุฑแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา คติดังกล่าวเป็นที่นิยมในสมัยโบราณที่ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ คือเป็นพระนารายณ์อวตาร ดังนั้น หน้าบันของโบสถ์ วิหาร หรือปราสาทราชวังที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างหรือทรงบูรณะก็มักจะทำรูปพระนารายณ์ทรงครุฑเป็นสำคัญ อันมีความหมายว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดหลวง
นับเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมถวายสังฆทาน และรับพรจากหลวงพ่อเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต เมื่อรับพร อิ่มบุญกันถ้วนหน้าแล้ว ได้เวลาไปเช็คอินกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์ เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของ รศ. เกริก ยุ้นพันธ์ ท่านเป็น อาจารย์ประจำสาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และยังเป็นนักวาดภาพประกอบ และคนทำหนังสือสำหรับเด็ก มีผลงานหนังสือภาพจำนวนมากมาย และเคยได้รับรางวัลนอมา (NOMA) จาก ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2525 ซึ่งจากรางวัลนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดความคิดอยากสร้างพิพิธภัณฑ์ของเล่น ขึ้นในเมืองไทย
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเริ่มต้นจาก อาจารย์เกริกได้มีโอกาสได้ไปเห็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นสังกะสีที่ญี่ปุ่น มันเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ทำให้คิดเริ่มเก็บของเกี่ยวกับเด็กมาตั้งแต่ปี 2526 ก็เลยคิดว่าเลือกที่จะเก็บ ของเล่น และข้าวของเครื่องใช้ หนังสือเด็ก แบบเรียนเก่า เพราะมันน่าสนใจและไม่มีใครเก็บ จากนั้นก็เดินตามคลองถม เดินตลาดสามแยก เดินจตุจักร ได้เจอของเก่าที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เก็บมาตลอด จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นในปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์ อัตราค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
ตื่นตาตื่นใจกับของเล่นในวันเยาว์ และชื่นชมของเก่าหายากแบบประเมินมูลค่าไปไม่ได้กันไปแล้ว ขึ้นรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไปเช็คอินสถานที่ต่อไปกันเลย
The Summer House
The Summer House คาเฟ่ติดริมน้ำบรรยากาศเริ่ด ซึ่งโด่งดังในโลกโซลเชียล จนใครมาเยือนอยุธยาต้องไม่พลาดที่จะมาเช็คอินและเซลฟี่ที่ร้านนี้ The Summer House มีทั้งอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่มบริการ ในบรรยากาศโล่งโปร่งสบายตากับการตกแต่งร้านสุดชิคที่ได้เห็นแล้วกล้องในมือต้องสั่นอยากลั่นชัตเตอร์รัวๆ
นอกจากเราจะแวะพักดื่มเครื่องดื่ม และลิ้มรสขนมหวานแล้วนั้น ที่นี้ยังมีไฮไลท์รออยู่ นั่นคือการส่วมวิญญาณท้าวทองกีบม้าร่วมทดลองทำขนมไทยกับอาจารย์ประเสริฐ จรรยาชาติ หรือ อาจารย์เผือก เจ้าของร้านขนมไทยไกลหวาน มาพร้อมสโลแกน “สะอาด สวน หวานน้อย อร่อยเพื่อสุขภาพ สืบสาน พัฒนา อโยธยา เข้าหนม” ซึ่งวันนี้จะได้ทดลองทำขนมเม็ดขนุน ขนมไทยโบราณอยู่เคียงคู่สำรับชาวไทยมานับร้อยปี ปกติก็จะซื้อจากร้านมาแล้วแกะห่อกิน พอมาลองทำเองรู้เลยว่าการทำขนมไทยมีขึ้นตอนที่พิถีพิถันละเมียดละไมเป็นอย่างมาก กว่าจะได้เม็ดขนุนหนึ่งเม็ดต้องใช้ความพยายาม และความใส่ใจอย่างสูง (เสียงสูง) แต่ก็ภูมิใจที่ได้ลองทำและภูมิใจที่คนไทยมีขนมที่วิจิตรและงดงามทั้งด้านรสชาติ และงดงามทั้งรูปลักษณ์ขนาดนี้
พับเพียบเรียนทำขนมไทยกันไปเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาอาหารเย็นพอดี มิตซูบิชิจึงพาไปจินจุ้ง (กินกุ้ง) แม่น้ำตัวใหญ่ ที่ร้านแพกรุ่งเก่า เมื่ออิ่มหน่ำสำราญกันแล้ว จึงแยกย้ายกับเมืองกรุงเทพ แต่ก่อนกลับพีอาร์มิตซูบิชิ ก็ยังหอบหิ้วโรตีสายไหมถุงโตของฝากประจำเมืองอยุยาให้คณะสื่อมวลชนติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย…น่ารักเหลือเกิน
ขากลับกรุงเทพฯ ฟิโอน่าก็ยังคงรับหน้าที่ทดสอบการเป็นผู้โดยสารที่ดีเหมือนเดิม ด้วยสภาพอากาศไม่เป็นใจ ฝนเทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา จึงต้องให้คุณสุภาพบุรุษรับหน้าที่ขับรถพาชีวิตน้อยๆ ของฟิโอน่ากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่การได้พูดคุยกับผู้ขับภายในรถได้ความเห็นว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ตัว 2017 นี้ ปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น แต่ยังคงอารมณ์ขับขี่สนุกสนานตาม DNA รถแข่ง ตัวฟิโอน่าเองนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารก็รู้สึกสบ๊าย…สบาย และรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง แม้ช่วงที่ต้องเผชิญกับม่านฝนกระหน่ำ แต่ก็ได้รับการยืนยันจากผู้ขับว่า ขับขี่อย่างมั่นใจแม้บนพื้นเปียก เมื่อใช้งานระบบขับเคลื่อนแบบ 4H ทั้งยังเข้าโค้งได้โดยที่ไม่มีอาการฝืนของล้อ พร้อมสมรรถนะการยึดเกาะถนนทั้งบนทางตรง และทางโค้ง และได้ลองระบบล็อคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จึงมั่นใจได้ว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มอบความมั่นใจในการขับขี่ให้กับคนขับได้ชัวร์ค่ะ…ฟิโอน่าคอนเฟิร์ม!!
รายละเอียดรถยนต์ มิตซูบิชิ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ รุ่นปี 2017 (ดับเบิ้ลแค็บ)
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาใน มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ รุ่นปี 2017 (ดับเบิ้ลแค็บ)
ชุดอุปกรณ์ภายนอก
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | ไทรทัน รุ่นปี 2017 | ไทรทัน รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
กระจังหน้า โครเมี่ยมรมดำ | โครเมี่ยม | |
ฐานโคมไฟหน้า โครเมี่ยมรมดำ | โครเมี่ยม | |
บันไดข้างยาวขึ้น 34 ซม. |
ชุดอุปกรณ์ภายใน
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | ไทรทัน รุ่นปี 2017 | ไทรทัน รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
จอแสดงข้อมูล อเนกประสงค์ดีไซน์ใหม่ | ||
พนักพิงศีรษะหลัง ปรับระดับได้ 3 ตำแหน่ง | 2 ตำแหน่ง |
อุปกรณ์ความปลอดภัย
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | ไทรทัน รุ่นปี 2017 | ไทรทัน รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
เข็มขัดนิรภัยหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง | 2 ตำแหน่ง | |
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง | ||
ระบบล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็ว |
ราคารถยนต์ ไทรทัน ใหม่ (ดับเบิ้ลแค็บ)
ไทรทัน รุ่น 2.5D GLX 5 MT ราคา 707,000 บาท
ไทรทัน รุ่น Plus 2.4D MIVEC GLX 6MT ราคา 776,000 บาท
ไทรทัน รุ่น Plus 2.4D MIVEC GLS-LTD 6MT ราคา 826,000 บาท
ไทรทัน รุ่น Plus 2.4D MIVEC GLS-LTD 5AT ราคา 871,000 บาท
ไทรทัน รุ่น 4WD 2.4D MIVEC GLS-LTD NAVI 6MT ราคา 969,000 บาท
ไทรทัน รุ่น 4WD 2.4D MIVEC GLS-LTD NAVI 5AT ราคา 1,066,000 บาท
**สีขาวมุกเพิ่ม 7,000 บาท
**สีขาวมุกเพิ่ม 7,000 บาท
** ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2560 ** ข้อมูลที่แสดงเป็นของรุ่นย่อย 4WD, 2.4D MIVEC GLS-LTD NAVI 5AT
รายละเอียดรถยนต์ มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ รุ่นปี 2017
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาใน มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ รุ่นปี 2017
ชุดอุปกรณ์ภายนอก
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | แอททราจ รุ่นปี 2017 | แอททราจ รุ่นปี 201ุ |
---|---|---|
ไฟท้ายแบบใหม่ | ||
กันชนหลังแบบใหม่ |
ชุดอุปกรณ์ภายใน
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | ไทรทัน รุ่นปี 2017 | ไทรทัน รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
Apple CarPlay | ||
ระบบล็อคความเร็วบนพวงมาลัย | ||
ปุ่มรับสาย – วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย | ||
สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง | ||
หัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ | ยูรีเทรน | |
ช่องต่ออุปกรณ์ USB ตำแหน่งใหม่ | ||
พนักพิงศีรษะหลังปรับระดับได้ 3 ตำแหน่ง | 2 ตำแหน่ง |
อุปกรณ์ความปลอดภัย
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | ไทรทัน รุ่นปี 2017 | ไทรทัน รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
เข็มขัดนิรภัยหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง | 2 ตำแหน่ง | |
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง |
ราคารถยนต์ แอททราจ ใหม่
มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่น GLX MT ราคา 472,000 บาท
มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่น GLX MT ราคา 472,000 บาท
มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่น GLX CVT ราคา 506,000 บาท
มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่น GLS CVT ราคา 561,000 บาท
มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่น GLS Ltd. CVT ราคา 599,000 บาท
**สีขาวมุกเพิ่ม 7,000 บาท
** ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2560
** ข้อมูลที่แสดงเป็นของรุ่นย่อย GLS Ltd. CVT
รายละเอียดรถยนต์ มิตซูบิชิ มิราจ
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาใน มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ รุ่นปี 2017
ชุดอุปกรณ์ภายนอก
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิราจ รุ่นปี 2017 | มิราจ รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
ชุดไฟตกแต่งแบบ LED บริเวณกันชนหน้า |
ชุดอุปกรณ์ภายใน
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิราจ รุ่นปี 2017 | มิราจ รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
เบาะหนังสีดำ เดินด้ายสีแดง | ||
Apple CarPlay | ||
ระบบล็อคความเร็วบนพวงมาลัย | ||
ปุ่มรับสาย – วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย | ||
สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง | ||
หัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ | ยูรีเทน | |
ช่องต่ออุปกรณ์ USB ตำแหน่งใหม่ | ||
พนักพิงศีรษะหลังปรับระดับได้ 3 ตำแหน่ง | 2 ตำแหน่ง |
อุปกรณ์ความปลอดภัย
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิราจ รุ่นปี 2017 | มิราจ รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
เข็มขัดนิรภัยหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง | 2 ตำแหน่ง | |
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง | ||
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ |
ราคารถยนต์ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่
มิตซูบิชิ มิราจ รุ่น GLX MT ราคา 457,000 บาท
มิตซูบิชิ มิราจ รุ่น GLX CVT ราคา 491,000 บาท
มิตซูบิชิ มิราจ รุ่น GLS CVT ราคา 557,000 บาท
มิตซูบิชิ มิราจ รุ่น GLS Ltd. CVT ราคา 596,000 บาท
** สีขาวมุกเพิ่ม 7,000 บาท
* ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2560
** ข้อมูลที่แสดงเป็นของรุ่นย่อย GLS Ltd. CVT
*** ยกเลิกรุ่น GL MT
รายละเอียดรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาใน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2017
ชุดอุปกรณ์ภายนอก
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017 | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
ระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า |
ชุดอุปกรณ์ภายใน
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017 | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
มาตรวัดภาษาไทย + กราฟฟิกเตือนปิดประตูแบบใหม่ + ระบบเตือนระดับน้ำล้างกระจก | ||
เปลี่ยนสีกราฟฟิกรถยนต์ ในระบบกล้องมองภาพรอบคัน | มีสีเงินสีเดียว | |
ปุ่มเซนทรัลล็อคที่แผงประตูคนขับ | ||
ปุ่มควบคุมกระจกไฟฟ้าที่ แผงประตูคนขับเรืองแสง 4 ตำแหน่ง | 1 ตำแหน่ง | |
ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ | ที่จุดบุหรี่ | |
พนักพิงศีรษะเบาะแถว 2 ปรับระดับได้ 3 ตำแหน่ง | ||
ที่พักแขนสำหรับเบาะแถว 2 พร้อมที่วางแก้วดีไซน์ใหม่ |
อุปกรณ์ความปลอดภัย
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017 | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
ระบบล็อคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ | ||
เข็มขัดนิรภัยเบาะแถว 2 แบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง | ||
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX เบาะแถว 2 แบบใหม่ | ||
ม่านถุงลมนิรภัยยาวถึงเบาะแถวที่ 3 |
อุปกรณ์ความปลอดภัย
อุปกรณ์/ รุ่นรถยนต์ | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017 | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2016 |
---|---|---|
ระบบล็อคเฟืองท้ายหลัง |
ราคารถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่น 2WD GLS-LTD ราคา 1,289,000 บาท
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่น 2WD GT ราคา 1,389,000 บาท
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่น 4WD GT ราคา 1,529,000 บาท
*สีขาวมุกเพิ่ม 15,000 บาท
* ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2560
** ข้อมูลที่แสดงเป็นของรุ่นย่อย 4WD GT