New MG HS ตัวแทนรุ่นพี่ MG GS เคาะราคาเร้าใจเริ่มต้น 919,000 บาท
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดตัวรถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุด New MG HS ภายใต้แนวคิด “Elegance” ในฐานะตัวแทนรุ่นพี่ MG GS เพื่อสร้างนิยามใหม่ของรถอเนกประสงค์ SUV ให้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น
“พิถีพิถัน” เพื่อยกระดับ New MG HS
New MG HS มากับขนาดตัวถังความยาว 4,574 มม. ตามด้วยความกว้าง 1,876 มม. และความสูง 1,664 มม. โดยมีระยะความยาวฐานล้อ 2,720 มม. พร้อมความกว้างแทรคล้อหน้า 1,573 มม. และล้อหลังที่ 1,584 มม. ครอบทับด้วยงานดีไซน์รูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่โค้งมน
เสริมรายละเอียดในจุดต่างๆ เช่น มุมมองด้านหน้าที่สะดุดตาจากชุดกระจังดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะของ MG ภายใต้แนวคิด “Stella Magnetic Field” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน โดยมีด้านข้างที่ประกบด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
ตามด้วยจุดเด่นด้านหลังจากชุดไฟท้ายแบบ Space Light Field ที่รวมถึงชุดไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้า และด้านหลังหลัง ที่แสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential ส่วนล้ออัลลอยด์นั้นมากับขนาด 17 นิ้วในรุ่นย่อย C และขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่นย่อย D และ X
ห้องโดยสารถูกออกแบบให้เกิดความโค้งมนรับกับสรีระ ผสมผสานด้วยจุดเด่น เช่น การเล่นระดับ, การตกแต่งด้วยวัสดุแบบ Soft Touch บริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตู ซึ่งในรุ่นย่อย X ยกระดับความพรีเมี่ยม ด้วยดีไซน์ของเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตทรง Bucket Seat หุ้มด้วยวัสดุหนัง Alcantara ปรับด้วยระดับไฟฟ้า
ทั้งยังมากับความสะดวกสบาย และเปี่ยมด้วยความอเนกประสงค์ เช่น หลังคาแบบ Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ถึง 1.1 ตารางเมตร ไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถฉายแสงต้อนรับเมื่อเปิดประตู ทั้งยังสามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี และปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติตามโหมดการขับขี่
ไปจนถึงเบาะนั่งด้านหลังพร้อมที่วางแขน และสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ต่อเนื่องด้วยฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า (Electric Liftgate) ตลอดจนการเพิ่มเสริมสุนทรียภาพด้วย ไปจนถึงไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถฉายแสงต้อนรับเมื่อเปิดประตู ทั้งยังสามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี และปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติตามโหมดการขับขี่
ด้านออพชั่นมาตรฐานได้รับการติดตั้งมาให้อย่างครบครัน เช่น กุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start, หน้าจอมาตรวัดแบบ Interactive Multi–Function Display แสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ขณะที่ระบบความบันเทิง และระบบนำทาง มาพร้อมหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว ที่สามารถควบคุมได้จากบนพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น โดยมีจุดเด่นเป็นระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้รถยนต์ MG ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถสื่อสารกับรถผ่านโปรแกรม Smart Command ที่สั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย สำหรับใช้งานฟังค์ชั่นต่างๆ เช่น การโทรออก, ระบบเครื่องเสียง, ระบบปรับอากาศ, ระบบเปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ ไปจนถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point Of Interest) ผ่านระบบนำทาง Navigator
ทั้งยังรวมถึงสั่งการระบบต่างๆ ผ่าน MG Mobile Application จากสมาร์ทโฟนด้วยโปรแกรม Smart Connect เช่น การค้นหาเพลงฮิตผ่าน Online Music, ค้นหาร้านอาหารเด็ด, สถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรม จนถึงการแสดงผลการจราจร, การอัพเดตข่าวสารในปัจจุบันบนหน้าจอในรถ ตลอดจนสร้างความมั่นใจด้วยโปรแกรม Smart Check เพื่อตรวจสอบสถานะ, ตรวจเช็ครถ, สั่งการล็อก หรือปลดล็อกประตูรถ, ตรวจสอบตำแหน่งรถ หรือกระทั่งแจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ จนถึงช่วยค้นหาศูนย์บริการ และบันทึกการดูแลรักษาตามระยะ
เติมพิกัดระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป
ระบบความปลอดภัยมากับความมั่นใจตามมาตรฐานยุโรป ตั้งแต่ โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบ Advanced Synchronized Protection System ซึ่งประกอบด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ เช่น ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control), ระบบลดความเสี่ยงการพลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program), ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
ตามด้วยระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา ประกอบด้วย ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning), ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) และระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
อีกทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) เสริมเข้าไปอีกขั้น โดยประกอบด้วย ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control), ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) เสริมความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์มาตรฐานจากถุงลมนิรภัย 6 จุด และกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor)
เร้าใจด้วย “สมรรถนะ” ที่เหนือกว่า
New MG HS มาากับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ซึ่งให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด สู่ล้อขับเคลื่อนคู่หน้า และการควบคุมที่เฉียบมคมโดยพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
อีกทั้งในรุ่นย่อย X ยังได้รับอัพเกรดสมรรถนะขึ้นอีกระดับ ด้วยปุ่มปรับโหมดการขับขี่ ที่มีให้เลือก 4 รูปแบบ คือ โหมด Normal, โหมด Eco, โหมด Sport และโหมด Custom ให้เลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ เสริมด้วยปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัย สำหรับเปลี่ยนบุคลิกการขับขี่ให้เร้าใจมากขึ้น
ขณะที่ระบบช่วงล่างมากับด้านหน้าแบบ MacPherson Strut และด้านหลังแบบ Multi-link ที่ได้รับการตั้งค่าให้เหมาะสม และรองรับการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย บนพื้นฐานสไตล์ Euro Tuning Suspension ก่อนปิดท้ายด้วยตัวเลขอัตราเร่งสุดเร้าใจที่ระบุไว้ว่า 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที
ราคารถใหม่ MG HS
MG HS รุ่น C ราคา 919,000 บาท
MG HS รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท
MG HS รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท