Nissan Juke มาแล้วจ้า … สาวก เก็บตังค์ “รอ” ได้
สาวก Corssover ชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หลงใหล Nissan Juke เก็บตังค์รอลุ้นกันได้ เพื่อล่าสุดค่าย Nissan ได้เผยรายละเอียดของเจนเนอเรชั่นล่าสุดออกมายั่ว พร้อมด้วยจุดเด่นหลักๆ ในเรื่องของสมรรถนะ และเทคโนโลยี ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับมาตรฐานใหม่ของ ยนตรกรรม B-Crossover Segment
การเติบโตขึ้นอีกขั้นของ Nissan Juke
Juke เจนเนอเรชั่นใหม่มากับมิติตัวถังที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,210 มม., ความกว้าง 1,800 มม. และความสูง 1,595 มม. ขณะที่น้ำหนักตัวรถนั้นเบาลงจากเดิม 23 กก. แต่ยังคงเปี่ยมด้วยความแข็งแกร่งจากวัสดุโครงสร้างตัวถังแบบ High Strength Steel
รูปลักษณ์มีการอัพเกรดความสปอร์ตด้วยชุดกระจังหน้า V-Motion ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ Nissan เสริมด้วยความโดดเด่นของชุดไฟหน้าทรงกลม ที่สร้างความสะดุดตาด้วยทรง Y-Shaped แบบ LED พร้อมดีไซน์แนวเส้นหลังคาสไตล์ Coupe ที่เรียกว่า “Floating Roof” ยาวต่อเนื่องไปถึงด้านหลังที่หล่อเหลาด้วยชุดสปอยเลอร์หลัง และชุดไฟท้ายแบบ LED ขณะที่ล้ออัลลอยด์นั้นจัดเต็มด้วยการให้ขนาด 19 นิ้วมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนภายในห้องโดยสารอัพเกรดงานดีไซน์ใหม่ ซึ่งเน้นความสปอร์ต และความหรูหราด้วยวัสดุนุ่มแบบ Soft Touch เช่น คอนโซล และแผงประตู ตลอดจนเบาะนั่งทางสปอร์ตที่สามารถเลือกออพชั่นวัสดุได้ระหว่างหนังแท้ หรือ Alcantara ขณะที่ความสะดวกสบายนั้นไล่มาตั้งแต่ความกว้างขวางของห้องโดยสาร บริเวณช่วงเข่าผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มขึ้นอีก 5.8 ซม., ช่วงศรีษะที่เพิ่มขึ้น 1.1 ซม. และห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่มากขึ้น 20% หรือราวๆ 422 ลิตร
ด้านอุปกรณ์มาตรฐานที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple Carplay และ Android Auto ส่งมอบความเพลิดเพลินผ่านลำโพงคุณภาพจาก BOSE ถึง 8 ตำแหน่ง
“เล็ก” และ “ร้าย” จากเครื่องยนต์บล็อคใหม่
Juke เจนเนอเรชั่นใหม่ ทำเซอร์ไพรส์ด้วยบล็อกเล็กจากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน ในพิกัด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ เสริมความเร้าใจด้วยระบบอัดอากาศ DIG-T Turbocharged ที่สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ถึง 117 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 180 นิวตันเมตร
ส่วนระบบส่งกำลังจะมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ ความมันส์จากเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และความสบายจากเกียร์อัตโนมัติ DCT (Dual-Clutch) 7 สปีด พร้อม Paddle Shift พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ Driving Mode Selector ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Standard และ Sport ทั้งยังมากับเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างระบบ Nissan Intelligent Mobility โดยมีไฮไลต์ คือ ระบบ Nissan’s advanced ProPILOT ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรก โดยจะทำหน้าที่ในการควบคุมพวงมาลัย, การเร่ง และการเบรก โดยอัตโนมัติ
เสริมด้วยระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ซึ่งมาพร้อมกับระบบตรวจจับคนเดินเท้า และจักรยาน (Intelligent Emergency Braking with Pedestrian and Cyclist Recognition), ระบบบันทึกป้ายจราจร (Traffic Sign Recognition), ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Intelligent Lane Intervention), ระบบเตือนสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) และระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Intervention)