Nissan Versa หรือ … อนาคตร่างจำแลงแห่ง Nissan Almera เวอร์ชั่นใหม่
Rock the Ocean’s Tortuga Music Festival คือ อีกหนึ่งเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ของอเมริกา ซึ่งถูกจัดขึ้นในฟลอริดา ไปเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาของบ้านเรา โดยเซอร์ไพรส์ที่นอกเหนือจากบทเพลงของศิลปิน Popular Country ที่มาร่วมงาน ก็คือการเปิดตัวของ Nissan Versa ใหม่ ที่นำมาสู่การคาดเดาได้ ว่านี่อาจจะเป็น Nissan Almera เวอร์ชั่นประเทศไทยในอนาคต
ฐานะ Nissan Versa เจนเนอชั่นที่ 3 พร้อมการยกระดับงานดีไซน์
สำหรับ Nissan Versa โมเดลล่าสุดนี้ คือ เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งมากับการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้น ที่ว่ากันตั้งแต่การปรับให้มีขนาดตัวถังยาว และกว้างขึ้น เพื่อเพิ่มความกว้างขวางในห้องโดยสาร พร้อมด้วยการลดความสูงลง เพื่อยกระดับความสปอร์ต ในขณะที่งานดีไซน์นั้นเดินหน้าตามแนวทางเดียวกับยนตรกรรมในค่ายอย่าง Nissan Maxima และ Nissan Altima
ด้วยเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ที่เรียกว่า “Emotional Geometry” อาทิ ชุดกระจังแบบ V-Motion ที่ผสมความโฉบเฉี่ยวในส่วนของชุดไฟหน้า และไฟท้ายในรูปทรง Boomerang-Shaped ตลอดจนในส่วนของเสา C-Pillars ที่วางองศาเดียวกับแนวเส้นหลังคา เสริมความสะดุดตาด้วยวัสดุโทนสีดำ และมากับสีสันเพิ่มเติมให้เลือก คือ สีฟ้า Electric Blue Metallic, สีส้ม Monarch Orange Metallic และสีโทนแดงที่ชื่อ Scarlet Ember Tintcoat
ภายในห้องโดยสารยังคงนำเสนอไปในแนวทางเดียวกันกับ Maxima และ Altima จากแนวคิด “Gliding Wing” ในลักษณะคล้ายการ “สยายของปีก” เพื่อช่วยสร้างความรู้สึกกว้างขวาง ทั้งยังมีการอัพเกรดในเรื่องของวัสดุที่นำมาใช้ ไปจนถึงการเลือกโทนสีภายในห้องโดยสาร สำหรับสร้างความสดชื่น และตอกย้ำในเรื่องการยกระดับคุณภาพมากขึ้น
ส่วนออพชั่นมาตรฐานที่จัดมาให้จะประกอบด้วย ระบบกุญแจแบบ Keyless Enttry, ปุ่ม Push Button Start, กระจกไฟฟ้า, ระบบทำความร้อนเบาะหน้า Heated Front Seats, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Automatic Climate Control รวมถึงระบบความบันเทิงที่สามารถรองรับได้ทั้ง Apple CarPlayTM และ Android AutoTM
จะตรงปกหรือไม่ ? … เมื่อกลายเป็น Nissan Almera
จุดเด่นของ Versa เวอร์ชั่นล่าสุด คือ แนวคิด Nissan Intelligent Mobility เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต กับระบบความปลอดภัยรอบคัน Nissan Safety Shield 360 ที่ประกอบด้วย ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ที่จะทำงานร่วมกับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection), ระบบเบรกฉุกเฉินขณะถอยหลังอัตโนมัติ (Rear Automatic Braking), ระบบเตือนการออกนอกเลนส์ (Lane Departure Warning) และระบบปรับระดับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist)
รวมไปถึง ระบบเตือนในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning), ระบบเตือนสิ่งกีดขวางในด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert), ระบบอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ขับหากพบอาการเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness) และระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control)
ด้านขุมพลังของ Versa นั้นมากับเครื่องยนต์เบนซินเจนเนอเรชั่นใหม่ ในพิกัด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ ที่มากับเรี่ยวแรง 122 แรงม้า พร้อมแรงบิดราวๆ 154 นิวตันเมตร โดยมีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งจากเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
โดยนี่คือ Versa เวอร์ชั่นใหม่จากอเมริกา ที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็น Almera ในเมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการ “ปรับเปลี่ยน” รายละเอียดในหลายๆ อย่างเพื่อให้สอดคล้องกับสถานะของรถ Eco Car สำหรับเมืองไทย เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียวว่าเครื่องยนต์พิกัด 1.6 ลิตร คงเป็นเรื่องยาก และก็น่าจะรวมถึงเรื่อง “ออพชั่น” ที่คงต้องมาลุ้นกันอีกที ตอนเปิดตัวในเมืองไทย