BMW X5 xDrive30d M Sport (G05) ไปให้สุดถึงขีดจำกัด ที่มากกว่าแค่การขับธรรมดา
ราคา 5,699,000 บาท คือ ค่าตัวของ “พี่ยักษ์” BMW X5 xDrive30d M Sport (G05) ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของเราในครั้งนี้ แต่โชคไม่ดีที่ต้องมาอยู่ด้วยกันในวันสภาพอากาศ “เลวร้าย” จากฟ้าฝนที่ตกกระหน่ำ ตั้งแต่ช่วงสายๆ ของวันยันมืดค่ำ จนทำให้เหลือเวลาเก็บภาพสวยๆ ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่เอื้ออำนวยให้เราได้ “ลองของ” ในแบบที่มากกว่าแค่ “ขับธรรมดา” ซึ่งยืนยันได้ด้วยภาพแอ๊คชั่นมันส์ๆ
Chapter 1 : ทำความรู้จัก BMW X5 xDrive30d M Sport
X5 xDrive30d รุ่นที่เห็นอยู่นี้ คือ การทำตลาดล่าสุดในรหัส G05 เจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งมากับความโดดเด่นในแบบที่ต้องว่ากันตั้งแต่ “เรือนร่าง” จากการปรับมิติตัวถังใหม่ โดยใหญ่ขึ้นกว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้วรหัส F15 กับขนาดความยาวที่ 4,922 มม. ความกว้าง 2,004 มม. ขณะที่ความสูงถูกปรับลดลงเหลือ 1,745 มม.
ส่วนงานดีไซน์นั้นนำเสนอทั้งอารมณ์ความหรูหรา และสปอร์ตดุดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวอร์ชั่นนี้ที่มากับฐานะของ M Sport ซึ่งเสริมความหล่อด้วยชุด M Aerodynamics Package เช่น กันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง, แผงปิดซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ พร้อมการประทับสัญลักษณ์ M ที่ด้านข้าง พร้อมด้วยความโหดจากชุดล้ออัลลอยด์ M Double-Spoke ขนาด 22 นิ้ว ที่ซุกระบบเบรกสุดอลังการด้วยคาลิปเปอร์เบรกแบบ M Sport สีน้ำเงินไว้ภายใน ขณะที่ด้านหลังที่มากับชุดกันชนท้าย และ Diffuser ที่ออกแบบให้รับกับท่อไอเสียแบบ M Sport
ก่อนตบท้ายด้วยการเก็บรายละเอียด จากวัสดุโทนสีดำเงา High Gloss เช่นเดียวกับราวแร็คหลังคา เสริมด้วยชุดไฟ Welcome Light Carpet ด้านข้าง และด้านหน้าที่มากับชุดไฟตัดหมอกแบบ LED ที่ติดตั้งมาให้ควบคู่กับอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ประกอบด้วย ชุดไฟหน้าแบบ Adaptive LED พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ Hig-Beam Assistant และด้านบนที่มากับหลังคากระจก Electric Panorama Glass Roof เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เช่นเดียวกับ ระบบเปิด-ปิดประตูท้าย ที่มากับฟังค์ชั่น Comfort Access System
ภายในห้องโดยสารอันโอ่โถง สามารถสร้างความโปร่งมากขึ้นได้ด้วยหลังคา Panorama ผสมผสานความหรูหราจากวัสดุตกแต่ง ขณะที่ฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกที่จัดมาให้ จะประกอบด้วย เบาะนั่งตอนหน้าแบบ Sport พร้อมระบบปรับไฟฟ้า, ที่หนุนหลังไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า และระบบจดจำตำแหน่งฝั่งผู้ขับขี่ ในขณะที่ด้านหลังมากับความเป็นรถอเนกประสงค์ด้วยพนักพิงเบาะหลังปรับพับได้แบบ 40:20:40
แถมด้วยความเพลิดเพลินการใช้งานเมื่อประจำการหลังพวงมาลัย ด้วยระบบ BMW Head-up Display, มาตรวัด BMW Live Cockpit Professional ที่แสดงผลผ่านหน้าจอคุณภาพสูงขนาด 12.3 นิ้ว รองรับระบบนำทาง และฟังค์ชั่น BMW ConnectedDrive กับแผงหน้าปัดดิจิตอลอันล้ำสมัย และมีขนาดเท่ากันที่ 12.3 นิ้ว โดยสามารถควบคุมย่างง่ายดายได้จาก ปุ่ม iDrive บริเวณคอนโซลเกียร์ ทั้งจากระบบสัมผัส หรือ ระบบ BMW Gesture Control ที่สั่งการได้ด้วยลักษณะท่าทางของมือ
และเช่นเดียวกับภายนอก ที่ต้องมีการยกระดับภายในขึ้นอีกขั้นสู่อารมณ์ของความเป็นยนตรกรรม M Sport ซึ่งว่ากันตั้งแต่ แผงหน้าปัดดีไซน์ M ในโหมด Sport และ Sport+, พวงมาลัยมัลติฟังค์ชันหุ้มหนังแบบ M Sport รับกับเบาะนั่งแบบสปอร์ตคู่หน้า หุ้มด้วยวัสดุหนังพิเศษ Vernasca สีดำ พร้อมการตกแต่งด้วยไม้ลาย Fineline Stripe สีน้ำตาลเงา และเพดานหลังคาสี Anthracite ตลอดจนกาบบันได, ไฟส่องสว่าง, ที่พักวางเท้าด้านคนขับ, พรมปูพื้น, แป้นเบรก และคันเร่ง ไปจนถึงกุญแจ BMW Display Key ที่มากับดีไซน์เอกลักษณ์ในแบบฉบับ M
Chapter 2 : ปลดปล่อยขีดสุดแห่งศักยภาพ
อย่างที่จั่วหัวไว้ในข้างต้น ว่าวันนี้เราโชคไม่ดี เนื่องจากสภาพฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ แต่ก็ถือเป็น “เรื่องดี” ที่ทำให้เราได้ใช้ศักยภาพของรถ มากกว่าแค่การ “ขับขี่ทั่วไป” โดยไฮไลต์ของเจ้า X5 xDrive30d M Sport รุ่นนี้ก็คือ ขุมพลังดีเซล BMW TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตร ที่อยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้า ซึ่งมอบพละกำลังสูงสุดมาให้ใช้ถึง 265 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที
แต่นั่นยังไม่น่าประทับใจมากพอเท่ากับ แรงบิดมหาศาลที่จัดมาให้ถึง 620 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที โดยมีเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic Sport รับหน้าที่ถ่ายทอดพละกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ BMW xDrive ที่มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบปกที่ล้อคู่หน้า 40% และล้อคู่หลัง 60% พร้อมสมรรถนะที่การันตีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.5 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดนั้นจำกัดเอาไว้ที่ 230 กม./ชม.
โดยมีความมันส์ที่แท้จริงอยู่ในจังหวะตั้งแต่ย่านความเร็วต่ำ ลากยาวไปจนถึงความเร็วกลาง ที่สามารถเลือกลิ้มรสชาติแรงบิดมหาศาลได้ในทุกครั้งที่กระแทกคันเร่ง ซึ่งด้วยเรี่ยวแรงระดับนี้ คือ สิ่งทำให้เกิดความรู้สึกสะดวก และง่าย ต่อการขับรถขนาดใหญ่ เพราะแค่เพิ่มน้ำหนักที่เท้าขวาเจ้า X5 xDrive30d M Sport พร้อมจะทะยานไปข้างหน้าทันที
แถมยังพร้อมที่หันซ้าย หันขวาอย่างเชื่องมือ ด้วยน้ำหนักของพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าที่แปรผันอย่างเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้ ประกอบตำแหน่งของรถที่มีความสูง ซึ่งสร้างทัศนวิสัยที่ดีในการตัดสินใจ และทั้งหมดเพื่อทำให้รถอเนกประสงค์คันยักษ์ กลายเป็นรถที่ “ว่านอนสอนง่าย” ราวกับรถสปอร์ต นั่นเอง
แถมในสภาพท้องถนนที่เปียกฉ่ำไปด้วยสายฝน ยังสามารถมั่นใจได้มากขึ้นในทุกๆ การใช้ความเร็ว จากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ที่แปรผันได้อย่างอัจฉริยะ โดยมีระบบควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่ Dynamic Stability Control หรือ DSC เป็นทัพเสริม เพื่อจัดการกับอาการไม่พึงประสงค์ ทั้งอาการท้ายปัด (Oversteer) และดื้อโค้ง (Understeer) ภายในเวลาเสี้ยววินาที
ด้วยการกระจายกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 100% ไปยังเพลาหน้า หรือเพลาหลังผ่านชุดส่งกำลังและควบคุมชุดคลัตช์แบบ Multiple-Plate Clutch ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับจัดการให้ทุกอย่างเข้ารูป เข้ารอย ก่อนที่จะกลับสู่อัตราการจ่ายกำลังปกติ เพื่อให้เกิดการควบคุมรถอย่างแม่นยำ และเข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นหมายถึงสภาพท้องถนนปกติที่เปียกลื่น
แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่ไม่ปกติอย่างแนว Off-Road ล่ะ … X5 xDrive30d M Sport จะแสดงศักยภาพได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เพื่อความสะใจ แต่เพื่อคลายข้อสงสัยเหมือนที่เห็นคลิปในต่างประเทศ ซึ่ง X5 xDrive30d M Sport วิ่งสวยๆ ลุยทรายไปอย่างสบายๆ ไร้ปัญหา
ซึ่งในขณะที่เมืองไทยไม่มีทะเลทรายให้ “ลุย” และสถานที่แห่งนี้ก็ดูจะใกล้เคียงที่สุด ฉะนั้นไวเท่าความคิด เราก็มาอยู่ท่ามกลางสถานที่นั้น แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปด้วยสายฝนฉ่ำ กลับกลายเป็นดินแข็งเปียกๆ ผสมด้วยดินเละๆ ไปจนถึงบ่อโคลนที่น้ำขัง ลึกบ้าง ตื้นบ้าง ชนิดที่บอกตรงๆ ว่าสภาพโดยรวม ใครเลยจะคิดว่าเรากล้าเอารถราคาเกือบ 5.7 ล้านบาทเข้าไปลุย
แต่ไหนๆ มาแล้ว จะหันหลังกลับก็เสียเวลา ในเมื่อทางฝุ่นแห้งไม่มี ก็ซัดเข้าไปทั้งเปียกๆ แบบนี้ เพิ่มความยากเข้าไปอีกขั้น เพื่อดูว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive จะพาเราผ่านหรือไม่ จนได้บทสรุปเป็นที่น่าพอใจว่าทั้งการใช้ระดับความเร็วต่ำ หรือลองหวดด้วยความเร็วสูงๆ ก็ตาม เจ้า X5 xDrive30d M Sport ก็ยังคงรอดพ้นสถานการณ์พื้นถนนที่เลวร้ายออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา แม้บางจังหวะเราจะพลาดจนล้อจมบ่อโคลนลงไปเกือบครึ่งก็ตาม ซึ่งนั่นก็ถือว่าชัดเจนมากพอสำหรับพิสูจน์การขับขี่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติให้สายลุยมั่นใจ
และหลังจากเราอาบน้ำชำระคราบดินให้ X5 xDrive30d M Sport เป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงคราวใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป สไตล์พ่อบ้านที่เน้นการใช้งานปกติ และแอบซ่าส์เบาๆ โดยอาศัยความต่างของฟังค์ชั่นการเลือกโหมดขับขี่ระหว่าง Comfort และ Sport เป็นหลัก ซึ่งคุณสามารถผสมทั้ง 2 อย่างเข้าไว้ด้วยกันตามสไตล์ที่ชอบด้วยโหมด Individual
แต่สำหรับเราที่ชื่นชอบความเร้าใจเป็นการปรับเปลี่ยนไปโหมด Sport คือ เป้าหมาย เพื่อให้ทั้งระบบพวงมาลัย, เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง ไปจนถึงระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M แสดงพิษสงออกมาให้สัมผัส โดยมีผลลัพธ์ที่เป็นไปตามเป้าหมาย กับความเร้าใจในทุกครั้งที่กดคันเร่ง หรือหักพวงมาลัยหลบหลีกเพื่อนร่วมท้องถนน ตลอดจนโลดแล่นไปตามโค้งต่างๆ ทั้งขวาบ้าง ซ้ายบ้าง สลับองศากันไป โดยเฉพาะกับถนนที่เป็นพื้นราดยางเรียบๆ ไร้คลื่น หรือรอยต่อ
เพราะหากเป็นถนนที่สภาพย่ำแย่ อันนี้ก็คงต้องยอมรับสภาพ ด้วยฐานะของยนตรกรรมยุโรปที่มากับความสปอร์ต ซึ่งต่อให้ปรับเป็นโหมด Comfort มันก็ยังมีความหนึบ และหนักแน่นที่มากกว่ารถญี่ปุ่นในพิกัดเดียวกัน ฉะนั้นอันนี้ต้องขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลมากกว่า ในเรื่องของอารมณ์ช่วงล่าง
แต่ถ้าถามถึงเรื่องของระบบความปลอดภัย ยังไงซะเราก็เทคะแนนให้อย่างหมดใจ เพราะเค้าจัดมาให้เต็มพิกัด ตั้งแต่ ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง Performance Control, ระบบควบคุมการขับขี่ขณะลงทางชัน Hill Descent Control, ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน DTC, ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบเบรก ABS พร้อม Brake Assist
ตามด้วยระบบจัดเก็บพลังงานจากการเบรกและชะลอความเร็ว Brake Energy Regeneration, ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ ไปจนถึงไฮไลต์ที่ช่วยให้คนขับรถขนาดใหญ่ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ตั้งแต่กล้องมองภาพรอบทิศทาง Surround View Camera ไปจนถึงระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant Plus พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดหน้า-หลัง กระทั่งระบบ Teleservices และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Call
The Final Chapter : บทสรุปแห่งความสัมพันธ์
หลังจากที่ร่วมหัวจมท้ายกับ เจ้า X5 xDrive30d M Sport มาเป็นเวลากว่า 4 วัน และผ่านการใช้งานมาแทบทุกรูปแบบทั้งการใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาแบบคนเมืองทั่วไป ตลอดจนการใช้ความเร็วสูงวิ่งทางไกล เพื่อไป “ลุย” บนสภาพถนนแบบกึ่งๆ Dirt Track & Off Road เพื่อค้นหาคำตอบ … จนได้บทสรุปว่า “ของเค้าดีจริง” โดยเฉพาะในเรื่องของ “สมรรถนะ” เพราะรูปลักษณ์ และชื่อชั้นของแบรนด์เราคงไม่ขอพูดถึง
ส่วนเรื่องของ “สมรรถนะ” นั้นเรียกได้ว่า “ตอบโจทย์” ได้แบบครบทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร หรือสัมภาระ ทั้งยังให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ด้วยเรี่ยวแรงที่มีเหลือเฟือ พร้อมระบบความปลอดภัยที่จัดมาให้ครบเครื่อง แถมยังพาคุณออกไปโลดแล่นอย่างมั่นใจได้ทั้งบนเส้นทางปกติ
หรือนอกเหนือจากถนนหลักได้อย่างมั่น จากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive … ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องแลกมาด้วยจำนวนเงินราวๆ 5.7 ล้าน ที่กลับบ้านพร้อมเงินทอนเล็กน้อย ซึ่งถ้าคุณเป็นสาวกรถยุโรป และมีกำลังทรัพย์อยู่แล้วก็คงไม่ใช่ปัญหา ถ้าจะรับ BMW X5 xDrive30d M Sport (G05) ไว้พิจารณาซักคัน
ราคารถใหม่ BMW X5 รุ่น xDrive30d M Sport
BMW X5 xDrive30d M Sport (G05) ราคา 5,699,000 บาท