Review : ฮอนด้า ซีวิค 1.8 EL “เพียงพอ” ครบทุกความต้องการ
ฮอนด้า ซีวิค 1.8 EL เจนเนอเรชั่นที่ 10 ของโมเดลยอดนิยมอย่าง ฮอนด้า ซีวิค นั้นเรียกได้ว่าสร้างกระแสความน่าสนใจได้ไม่น้อยและสร้างการตอบรับจากสาวกชาวไทยได้อย่างล้นหลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาพร้อมเทคโนโลยีความแรงแบบใหม่ในประวัติศาสตร์ของอนุกรม Civic กับการติดตั้งระบบอัดอากาศให้กับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VTEC ที่รีดความแรงอีกสไตล์ออกมาให้ได้สัมผัสกัน
ฮอนด้า ซีวิค 1.8 EL
แต่สำหรับพวกชาวเรา iAMCAR ที่ยังคงหลงใหลอรรถรสจากเครื่องยนต์หายใจเองในโมเดล Civic จากครั้งอดีต กลับมองว่ารุ่นเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศพิกัด 1.8 ลิตร เองก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะฉะนั้นเราจึงนำมาทดลองขับด้วยเช่นกัน กับรุ่นท็อปสุด
เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
โมเดลท็อปสุดในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร มาพร้อมกับรูปลักษณ์โดยรวมที่ไม่แตกต่างจากรุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบ เนื่องจากยังคงใช้แนวคิดการดีไซน์เหมือนกัน คือ “Revolutionary Silhouette Advanced Neo Sedan” เน้นความล้ำสมัยบนพื้นฐานการนำเสนอความแข็งแกร่ง ผสมผสานกับเส้นสายที่สปอร์ต, โฉบเฉี่ยว ส่วนความต่างที่แท้จริงนั้นต้องลึกไปในรายละเอียดต่างๆ ของตัวรถ เช่น กระจังหน้าที่เป็นแบบโครเมี่ยม ในขณะที่ชุดไฟหน้านั้นเป็นแบบโปรเจคเตอร์ มาพร้อมไฟ DRL และไฟท้ายรูปทรง C – Shaped ที่เป็นแบบ LED โดยในส่วนของระบบไฟหน้านั้นจะมาพร้อมกับระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ และระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ รวมถึงกระจกมองข้างแบบปรับ-พับ และมาพร้อมไฟเลี้ยวติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่มุมมองจากด้านหลังนั้นลดความสปอร์ตลงเล็กน้อยด้วยชุดท่อไอเสียแบบเดี่ยว เช่นเดียวกับมุมมองจากด้านข้างที่ลดขนาดล้ออัลลอยด์ในรุ่น 1.8 ลงเหลือ 16 นิ้ว
ห้องโดยสาร
ในขณะที่ห้องโดยสารนั้นก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดียวกันกับรุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบ ด้วยแนวคิดการออกแบบ “Daring Ace Design” กับการพลิกโฉมงานดีไซน์รถซีดานสู่รูปแบบใหม่ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ส่วนความต่างนั้นอยู่ที่โทนสีที่ใช้ และวัสดุ ในขณะที่ออพชั่นนั้นก็แทบจะไม่ต่างจากรุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบ โดยในรุ่น 1.8 EL นั้นจะตัดในส่วนของแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift, ระบบปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา, เบาะไฟฟ้า 4 ทิศทางฝั่งผู้โดยสาร, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสง และแป้นเหยียบแบบสปอร์ต ส่วนหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วบนคอนโซลนั้นยังคงมีให้ใช้ เพียงแต่ตัดฟังค์ชั่นบางอย่างออกไป เช่น ระบบนำทาง Navigator
ขุมพลังของ
ทางด้านขุมพลัง คือ เครื่องยนต์พิกัด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ไร้ระบบอัดอากาศ มีกำลังสูงสุด 141 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 174 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ซึ่งสามารถรองรับเชื้อเพลิงทางเลือก E85 และมาพร้อมกับฟังค์ชั่นการใช้งานที่เอื้ออำนวยต่อการประหยัด เช่น ECON Mode ทางด้านส่วนประกอบอื่นๆ นั้นใช้แบบเดียวกับตัวแรงรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ เช่น ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ โดยจะมีความต่างจากรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ ในส่วนของอัตราทดเกียร์ และเฟืองท้ายที่ต่างกัน ในขณะที่ระบบช่วงล่างนั้นมากับพื้นฐานเดียวกัน คือ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ในขณะที่ระบบควบคุมเป็นหน้าที่ของพวงมาลัยแบบ Dual Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า DP – EPS
เครื่องยนต์
และแม้เราจะชื่นชอบในเทคโนโลยีความแรงแบบใหม่จากรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบก็ตาม แต่กับอดีตอันหอมหวานของความแรงจากเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศจาก Honda ที่สร้างชื่อเสียงมาช้านาน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสนใจใน Honda Civic 1.8 EL เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้นั่งประจำการหลังพวงมาลัย และใช้คันเร่งหนักๆ ในการไต่ระดับความเร็ว พร้อมกับฟังเสียงหวานๆ ของรอบสูงอย่างต่อเนื่อง มันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ระหว่าง “การดึงหนักๆ ของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ในจังหวะที่เทอร์โบบูสต์” และ “การดึงแบบต่อเนื่องของเครื่องยนต์ N/A ขณะที่ใช้ความสามารถของรอบเครื่องยนต์” ซึ่งด้วยบทสรุปก็คือ “เป็นการขับสนุก” ที่มีความ “ต่างด้านอารมณ์” และที่เราชอบที่สุดในการขับขี่ ก็คือ ความต่อเนื่องของกำลังที่ส่งมอบให้สัมผัสได้ตามน้ำหนักเท้า ซึ่งจะปรับเปลี่ยนบุคคลิกของ Honda Civic 1.8 EL ไปตามที่เรากำหนด โดยถ้าเน้นขับสบายก็แค่ใช้น้ำหนักเท้าตามปกติ หรือถ้าอยากสนุกขึ้นอีกนิดก็แค่จุ่มคันเร่งลงไปลึกๆ เท่านั้น เรียกได้ว่า “เพียงพอ” ต่อการใช้งานในทุกๆ ความต้องการก็ว่าได้
การสื่อสารจากเบื้องล่าง
คือ อีกหนึ่งจุดที่มีความต่างเช่นกัน ซึ่งเราเข้าใจว่า Honda Civic 1.8 EL จะเน้นในเรื่องของการใช้งานมากกว่า ทำให้ล้อที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจึงเป็นขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางซีรี่ส์ 215/55 R16 ในขณะที่รุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ เลือกที่จะเน้นอารมณ์ความสปอร์ตด้วยล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางซีรี่ส์ต่ำกว่า คือ 215/50 R17 ซึ่งสัมผัสโดยรวมบนสภาพพื้นถนนที่ราบเรียบนั้นอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงความต่างมากนัก เว้นแต่บนสภาพถนนห่วยๆ ที่จะรู้สึกได้ชัดเจนขึ้น และทั้ง 2 รุ่นก็ยังคงมอบการทรงตัว การยึดเกาะถนนที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ดี
ในขณะที่อารมณ์ของการบังคับควบคุมนั้นก็มีความต่างระหว่าง 2 รุ่น แม้จะใช้พื้นฐานระบบพวงมาลัยแบบเดียวกัน แต่ความต่างของล้อ และยาง ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดบุคคลิก เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่รุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ จะมีความ “เฉียบคม” ที่ชัดเจนกว่า
ส่วน Honda Civic 1.8 EL ก็สามารถสนุกกับการขับขี่ได้เช่นกัน เพียงแต่รสชาติความสปอร์ตอาจจะไม่เทียบเท่า หรือจะเรียกว่า เอาความ “สปอร์ต” ไปแลกกับ ความ “สะดวก และสบาย” ที่ “พอเพียง” สำหรับการใช้งานก็ว่าได้