รีวิว : ขับทดสอบ Lexus IS300h Luxury รุ่นเริ่มต้น (The Compact Sport Sedan) กับราคาค่าตัว 2.69 ล้านบาท เส้นทาง เชียงใหม่-กรุงเทพฯ
รีวิวขับทดสอบ Lexus IS300h Luxury รุ่นเริ่มต้น
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จัดให้มีทริปทดสอบรถยนต์ Lexus หลากหลายรุ่น โดยใช้เส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพฯ รวมระยะทางทั้งหมดเกือบ 700 กิโลเมตร ชั่วโมงการขับขี่ถือว่ายาวนานกันเลยทีเดียว แต่ก็เป็นโอกาสดีของสื่อมวลชนที่ได้มาขับทดสอบ จะได้สัมผัสถึงความเป็น Lexus ได้อย่างเต็มอิ่ม เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่ทางโตโยต้าจะนำรถยนต์ในแบรนด์ Lexus ออกมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบในลักษณะเป็นคาราวานแบบนี้
08.00 น. เราเริ่มออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก Le Meridien Chiangmai ตั้งอยู่แถวย่านไนท์บาซาร์ ซึ่งผู้เขียนได้รับมอบหน้าที่พลขับไม้แรกของการทดสอบจากสมาชิกในรถ โดย Lexus รุ่นที่เราจะได้ขับทดสอบในวันนี้ก็คือ Lexus IS300h Luxury รุ่นเริ่มต้น ซึ่งเป็นรุ่นที่ผู้เขียนมองว่าน่าขับทดสอบที่สุด เพราะเป็นตัวที่ผู้บริโภคทั่วไปที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ในไลน์อัพ Luxury น่าจะเอื้อมถึงได้ไม่อยาก จากราคาค่าตัว 2.69 ล้านบาท
ออกจากโรงแรม เราพาเจ้า Lexus IS300h น้องเล็กสุดในคาราวาน ขับฝ่าการจราจรเขตเมืองในช่วงเช้าของจังหวัดเชียงใหม่ จนเข้าสู่ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ที่สามารถใช้ความเร็วได้เต็มที่ตามกฎหมายกำหนด ผ่านเขตจังหวัดลำพูน ขับเลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขาของเทือกเขาขุนตาล เข้าสู่จังหวัดลำปาง จนถึงจุดเปลี่ยนคนขับที่ปั๊ม ปตท. ที่อำเภอสบปราบ รวมระยะทางของการขับขี่ช่วงที่ 1 คือ 139 กิโลเมตร ได้บทสรุปออกมาประโยคเดียวเลยคือ Lexus เป็นรถที่ “น่าทึ่ง ชวนให้ตกหลุมรักมากค่ะ”
เริ่มกันจากการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกโดยรวม ที่เพียงแค่มองผ่านก็ยังสัมผัสได้ว่า Lexus IS300h Luxury เป็นรถที่ได่รับการออกแบบมาแนวสปอร์ต (The Compact Sport Sedan) มีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นรถที่ขับสนุก แต่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายในการขับขี่
ไฟหน้า LED แบบ Bi-Beam** ไฟ LED DRL ลำแสงสีขาวติดตั้งอยู่ในโคมทรงตัว L รมดำดูดุดันที่ด้านบนของโคมไฟหน้า บ่งบอกความเป็นเลกซัสได้อย่างชัดเจน ด้านล่างประกอบด้วยโคมไฟโปรเจคเตอร์ขนาดกะทัดรัดที่ผนวกทั้งไฟสูง ไฟต่ำ และไฟเลี้ยวเข้าด้วยกัน ดูมีมิติและเชื่อมต่อกันกับกระจังหน้าอย่างลงตัว
ไฟท้าย LED ไฟ LED รูปทรงตัว L เอกลักษณ์ของเลกซัสทอดตัวยาวตลอด แนวท้ายรถ เชื่อมไฟท้ายทั้งซ้ายและขวาเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างมุมมองให้ตัวรถยิ่งดูกว้าง กำยำและสื่อถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำได้อย่างชัดเจน
การออกแบบรูปลักษณ์ภายใน และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรวม สำหรับ Lexus IS300h Luxury รุ่นเริ่มต้น ในมุมผู้อ่านเองมองว่า เพียงพอต่อการใช้งานปรกติในชีวิตประจำวัน แต่ถ้ามีมากกว่านี้ก็ดีค่ะ แต่จะได้ใช้หรือไม่ก็อีกเรื่องนึง … Lexus IS300h Luxury มาพร้อมหน้าจอ EMV ขนาด 10.3 นิ้ว ที่ออกแบบให้จอมีความกว้างและอ่านง่าย แม้ขณะเปิดแสดงเมนูและแผนที่ไปพร้อมๆ กัน สั่งงานด้วยระบบทัชสกรีน และยังสะดวกด้วยตำแหน่งของหน้าจอที่เอื้อต่อหลักสรีรศาสตร์ องศาการหันของจอ รวมทั้งความหนาของหน้าจอ ถูกออกแบบให้รบกวนสายตาของผู้ขับขี่น้อยที่สุด ทำให้เราสามารถสั่งงานระบบต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิจากการขับ
ในเรื่องของคุณภาพวัสดุตกแต่งภายใน วัสดุหุ้มเบาะเป็น Synthetic Leather ระบบเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบรองรับแผ่นหลัง (ฝั่งคนขับ) เบาะหลังแบบพับแยก 60:40 มีมาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron TFT 4.2 นิ้ว พวงมาลัยไฟฟ้าปรับระดับ 4 ทิศทาง พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
ส่วนเรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่ (Driving Comfort) ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง (Engine & Transmission Performance) Lexus IS300h Luxury ถือเป็นรถอีกรุ่นนึงที่ผู้เขียนยอมรับเลยว่าขับขี่ง่าย ตัวรถมั่นคงในทุกการควบคุม น้ำหนักของพวงมาลัยขณะขับขี่ และการตอบสนองและความแม่นยำของพวงมาลัยเฉียบคม การเกาะถนน การทรงตัว และการเข้าโค้งทำได้ดีเยี่ยม ไม่มีอาการร่อน สะบัดหลุดโค้งให้เห็น ซึ่งก็มาจากการเซ็ตระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ และระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ที่ถูกปรับแต่งทุกชิ้นส่วนอย่างละเอียด ระบบกันสะเทือนทั้งหน้าและหลังเป็นแบบสวิงวาล์ว ดูดซับแม้แรงกระแทกที่บางเบาที่สุด ทำให้คนในรถสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลภายในห้องโดยสารได้ทุกย่านของความเร็ว การเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกทำได้ดี ความเร็ว 130 กม./ชม. ก็ยังไม่มีเสียงลมเข้ามาให้รำคาญหู
การออกแบบมุมมองภายในรถ เมื่อมองผ่านกระจกหน้าออกไปด้านนอกเรื่องนี้ผู้เขียนให้คะแนนเต็มสิบ เพราะให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบายตา มองเห็นได้ไกล ด้วยการออกแบบเสา A ที่เล็ก ประกอบกับมีช่องว่างระหว่างเสา A กับกระจกมองข้างค่อนข้างเยอะ ทำให้ทัศนวิสัยในในการขับขี่ทุกมุมมองชัดเจน ปลอดภัย ขับขี่ง่าย
Lexus IS300h Luxury มีโหมดการขับขี่มีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมด ก็คือ Eco Mode โหมดนี้เน้นการขับขี่แบบประหยัด เครื่องยนต์มีกำลังเพียงพอที่จะให้เราขับขี่แบบสบายๆ หรือเร่งแซงแบบธรรมดา ที่ไม่ต้องการพละกำลังมากมาย กับการใช้งานช่วงในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง ที่สำคัญโหมดนี้ให้การประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีทีเดียว
โหมดต่อมาคือ Normal Mode ซึ่งโหมดนี้ผู้เขียนมองว่าเป็นโหมดที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานกับรถคันนี้ เพราะให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่สนุก เร่งแซงทันใจ การขึ้นเขาหรือทางลาดชันพละกำลังก็มีแบบเหลือๆ บางจังหวะเหลือถึงกับต้องยกคันเร่งปล่อยให้รถไหลไปเองกันเลยทีเดียว
ส่วนโหมดสุดท้าย คือ Sport Mode โหมดนี้เป็นโหมดแรงที่สุดของรถคันนี้ ส่วนใหญ่ก็จะใช้ตอนที่ต้องการขับมุดซ้ายขวาแบบมันๆ อัตราเร่งแซงทันใจ ขึ้นแซงได้ขาด แต่ก็ต้องแลกกับการซดน้ำมันกันพอควรค่ะ
หลังออกจากปั๊ม ปตท.สบปราบ ก็เปลี่ยนหน้าที่เป็นผู้โดยสารตอนหน้าบ้าง ก็ยังให้ความรู้สึกดีกับเจ้า Lexus IS300h คันนี้ ด้วยความที่เบาะโดยสารนั่งสบาย โอบกระชับพอดีกับสรีระ พื้นที่เหยียดขาไม่คับแคบ ทำให้การนั่งโดยสารในระยะทางไกลแทบไม่เกิดอาการเมื่อยล้า แต่ถ้าจะมีบ่นบ้างก็เสียงจากผู้โดยสารด้านหลัง ที่อาจจะคับแคบไปสำหรับผู้โดยสารที่สรีระสูงใหญ่ หรือขายาว ซึ่งก็ด้วยการออกแบบมาในสไตล์สปอร์ตเน้นการโดยสารที่เบาะคู่หน้านั่นเองค่ะ
ภาพรวม ข้อมูลจำเพาะ
สมรรถนะ
LEXUS HYBRID DRIVE : 2.5-Liter L-4 16-Valve Dual VVT-i ในระบบไฮบริด เครื่องยนต์แบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ Dual VVT-i พร้อมระบบหัวฉีด D-4S จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง และแรงบิดสูง และระบบเกียร์ไฟฟ้าที่นุ่มนวล จึงได้ทังสมรรถนะที่ดีเยี่ยมและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยขณะขับในเมืองระบบไฮบริด จะช่วยประหยัดน้ำมันและควบคุมความเร็วอย่างแม่นยำ ขณะขับบนทางด่วนหรือทางหลวงที่คดเคี้ยวก็ให้อัตราเร่งที่ ราบรื่นนุ่มนวล
ตัวถังน้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่งสูง
การใช้เหล็กที่หนาขึ้นอาจเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวรถได้จริง แต่ก็นำมาซึ่งน้ำหนักที่ไม่พึงปรารถนา วิศวกรของเลกซัสจึงใช้วิธีที่ชาญฉลาดกว่านั้น คือ การพัฒนาเทคนิคการเชื่อมตัวถังและเพิ่มจุดเชื่อมให้มากขึ้นอีกถึง 55 ตำแหน่งที่บริเวณโครงสร้างด้านข้างส่วนหน้ารถ และนำเทคโนโลยีการเชื่อมแบบ Laser screw มาผนวกกับการใช้กาวยึดตัวถังคุณภาพสูง นอกจากนั้นยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับคานยึด หม้อน้ำทั้้ง 2 ข้างและ ด้านในของเสาโครงสร้างด้านหลัง พร้อมทั้งลดแรงเฉื่่อยด้วยการ ลดน้ำหนักของประตูทั้ง 4 บานรวมทั้งฝาท้าย ส่งผลให้ได้ความแข็งแกร่ง และสมรรถนะที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น
อากาศพลศาสตร์
อากาศพลศาสตร์ของเลกซัส IS ถูกออกแบบอย่างชาญฉลาดเพื่อลดการใช้ น้ำมันเชื้อเพลิง มอบความเงียบให้ห้องโดยสาร และเสริมสมรรถนะการขับขี่ แบบสปอร์ตให้ดียิ่งขึ้น วิศวกรได้ผนวกยางรีดน้ำขอบประตูกับประตูรถให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อแก้ผลกระทบจากลมหมุน ใช้ครีบที่รวมอยู่ในบันไดข้างรถช่วยควบคุมการไหลผ่านของอากาศและลดความเสี่ยงในการพลิกคว่ำ รวมทั้งแผงประตูหน้าที่ช่วยเสริมการไหลผ่านของอากาศครีบบริเวณไฟท้ายและใต้ท้องรถที่ช่วยกดตัวรถให้นิ่ง ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ตัวรถมั่นคงในทุกการควบคุมและตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม
ความปลอดภัย
ถุงลมเสริมความปลอดภัยแบบ 2 ระดับ SRS (สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่า (สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง (สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS
เข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ และลดแรงกระชาก (สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
เข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
แท่นยึดสำหรับติดตั้งเบาะเด็กแบบ ISO-FIX
ระบบป้องกันก่อนการชน
เรดาร์ความละเอียดระดับมิลลิเมตร จะทำงานร่วมกับเชนเซอร์กล้องแบบโมโนคิวลาร์เพื่อประเมินว่าจะเกิดการชนหรือไม่ โดยในเวลากลางวันและกลางคืนระบบจะสามารถตรวจจับพาหนะที่อยู่ข้างหน้าหรือคนเดินเท้า โดยจะตรวจจับผู้ขับขี่จักรยานได้เฉพาะเวลากลางวัน หากระบบประเมินว่าอาจเกิดการชนก็จะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับรวมทั้งช่วยเพิ่มแรงเบรกเมื่อผู้ขับเหยียบบรก หรือหากผู้ขับไม่สามารถเหยียบเบรกได้ทัน ระบบจะทำการเบรกให้โดยอัตโนมัติ
ระบบติดตามช่องทางการวิ่ง
ระบบรักษาช่องทางวิ่งจะทำงานร่วมกับระบบตรวจจับช่องทางวิ่งที่เลกซัสปรับปรุงใหม่ โดยจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับเมื่อตรวจพบว่ารถเฉออกนอกทาง แม้เส้นบอกช่องทางวิ่งบนถนนจะไม่ชัดเจนก็ตาม รวมทั้งจะช่วยประคองพวงมาลัยเพื่อรักษาแนววิ่งของรถ นอกจากนั้นระบบนี้ยังทำงานร่วมกับ Dynamic Radar Cruise Contol เพื่อช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางวิ่ง เมื่อขับขี่บนทางหลวงหรือถนนที่อนุญาตเฉพาะรถยนต์
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
นอกจากจะรักษาความเร็วในการวิ่งให้คงที่ดังเช่น Cruise Control ทั่วไปแล้ว Dynamic Radar Cruise Control ยังคอยตรวจหารถยนต์ที่ขับขี่อยู่ด้านหน้า และปรับความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจากคันหน้า โดยอาศัยเรดาร์ความละเอียดคลื่นระดับมิลลิเมตรร่วมกับกล้องเซนเซอร์ด้านหน้ารถ
บทสรุป
ถ้าคุณชอบรถที่ขับแล้วให้อีโมชั่นความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ขับขี่ รถที่สัมผัสได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกมิติ มีความละเมียดละไมตามมาตรฐาน Luxury แบบญี่ปุ่น ที่หาไม่ได้ในฝั่งยุโรป … ส่วนเรื่องสมรรถนะ ความปลอดภัยในการขับขี่ ก็ไม่เป็นรองใคร Lexus IS300h Luxury รุ่นเริ่มต้น ในราคา 2,690,000 บาท น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณผู้อ่านต้องได้ไปสัมผัสทดลองขับขี่ด้วยตัวเองค่ะ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมผู้เขียนใช้คำว่า “ตกหลุมรัก”