Lexus RX300 ในวัน “เบาๆ” และ “ลองของ” สั้นๆ แบบ One Day Trip
นานจนเกือบจำไม่ได้เลยทีเดียว ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ “สัมผัส” ยนตรกรรมจากแบรนด์ Lexus คือ “เมื่อไหร่” … แต่อยู่ๆ ก็ดูเหมือนจะ “โชคดี” เมื่อหมายเชิญร่วมเดินทางจาก Lexus ร่อนมาถึง ซึ่งแม้จะเป็นสไตล์ One Day Trip เบาๆ แต่ก็ “ดึงดูด” ความอยากไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อพาหนะในครั้งนี้คือ Lexus RX300 รุ่นล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน
Lexus RX300 กับ 3 รุ่นย่อยความหล่อต่างสไตล์
เช้าวันเริ่มการเดินทาง “เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด” ตรึงพื้นที่รอต้อนรับผู้ร่วมงานด้วย Lexus RX300 ที่จำหน่ายในประเทศไทย 3 รุ่นย่อยมาตรฐาน นำทัพด้วยพี่ใหญ่สุดรุ่นย่อย F Sport ขับเคลื่อน 4 ล้อในราคา 5,350,000 บาท ตามด้วยเวอร์ชั่นขับเคลื่อนล้อหน้าที่มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่น Premium ราคา 4,740,000 บาท และรุ่น Luxury ราคา 4,230,000 บาท
ซึ่งความต่างของแต่ละรุ่นจะถูกกำหนด ด้วยรายละเอียดทั้งในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก และภายใน บนพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Progressive Sophistication เพื่อยกระดับให้สมฐานะของยนตรกรรมอเนกประสงค์อนุกรม RX เจนเนอเรชั่นที่ 4 โดยมีจุดเด่นหลักๆ ที่เริ่มจากงานดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้น ตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่มากับชุดกระจัง Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Lexus ประกบด้วยความสปอร์ตจากชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่เช่นกัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากไฟหน้าของ Lexus LC ทั้งยังรวมถึงความสะดุดตาจากด้านข้างกับล้ออัลลอยด์ จนถึงมุมมองด้านหลังในส่วนของชุดไฟท้ายที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเรือธงสุดหรูอย่าง Lexus LS
ส่วนภายในห้องโดยสารนำเสนอความก้าวล้ำด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะตั้งแต่รุ่นย่อยระดับ Premium ขึ้นไป จะมากับหน้าจอแสดงผลข้อมูล Electro Multi Vision (EMV) ที่ปรับขนาดจากเดิม 8 นิ้วให้ใหญ่ขึ้นเป็น 12.3 นิ้ว เพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่ให้ชัดเจนมากขึ้น ตามด้วยระบบควบคุมส่วนกลาง Remote Touch Interface ที่สั่งงานได้ง่านขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส ราวกับควบคุมสมาร์ทโฟน โดยรองรับได้ทั้ง Apple Car Play และ Android Auto พร้อมด้วยการติดตั้งช่องเชื่อมต่อ USB 2.1 มาให้ถึง 6 ตำแหน่งทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ตลอดจนระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger และความมันส์ในการขับขี่จากแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่มีมาให้ในทุกรุ่น ก่อนปิดท้ายด้วยความสะดวกจากระบบเปิดฝาท้ายไฟฟ้าอัตโนมัติ ด้วยระบบ Kick Sensor
นอกจากนี้การออกแบบภายนอกของ Lexus RX300 ที่นำเสนอความสปอร์ตมากขึ้น ยังแฝงด้วยนัยยะสำคัญในการสื่อสารถึง “สมรรถนะ” ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นใหม่ โดยว่ากันตั้งแต่จุดเชื่อม Spot Welding ที่มากขึ้น เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งของตัวถัง และการติดตั้งระบบ FCD (Friction Control Device) ในระบบช่วงล่าง ทำหน้าที่ควบคุมแรงเสียดทาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับแรงได้ดียิ่งขึ้น
ความล้ำสมัยสุดท้ายคือเรื่องความปลอดภัยที่เรียกว่าจัดให้ด้วยมาตรฐานระดับโลกภายใต้ชื่อ Lexus Safety System Plus ที่นอกจากระบบพื้นฐาน Lexus RX300 ยังก้าวไปอีกขั้น จากการเสริมระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง Lane Tracing Assist (LTA) ที่จะทำการส่งสัญญาณสั่นเตือนบนพวงมาลัย พร้อมกับแจ้งเตือนบนหน้าจอแสดงผล เมื่อตรวจพบว่ารถยนต์มีการขับข้ามเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว พร้อมด้วยการช่วยประคองพวงมาลัยเพื่อไม่ให้รถออกนอกเลน
ต่อเนื่องด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control ซึ่งช่วยจำกัดความเร็วให้คงที่ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง จากการตรวจวัดระยะห่างจากรถคันหน้าด้วยเรดาร์ และกล้องบริเวณหน้ารถ โดยสามารถลด และเพิ่มความเร็วอัตโนมัติได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้สอดคล้องกับรถคันหน้า
ปิดท้ายด้วยระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ BladeScan Adaptive High-beam System (AHS) ที่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลกด้วยการปรับไฟสูง-ต่ำ ด้วยเทคโนโลยี BladeScan ในการกระจายลำแสงไฟหน้าได้อย่างละเอียด ชนิดที่ว่าสามารถเปิดลำแสงในบริเวณที่ต้องการ และปิดลำแสงในบริเวณที่ต้องการได้พร้อมๆ กัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ สามารถเปิดไฟสูงขับได้เต็มที่ โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมท้องถนนที่วิ่งสวนมาได้อย่างสบายๆ นั่นเอง
RX300 … Roll Out
ในที่สุดก็ถึงเวลาเคลื่อนทัพ RX300 จากจุดสตาร์ท ซึ่งเราได้รุ่นย่อย Premium เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งมีขุมพลังที่ไม่ต่างกับพี่น้องร่วมรุ่น คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตรแบบ Atkinson Cycle พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo และระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVT-i ที่มีฝั่งไอดีเป็นแบบ VVT-iW เสริมด้วยระบบควบคุมความร้อน ESTEC และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง D-4ST
โดยให้กำลังสูงสุดถึง 238 แรงม้าที่ 4,800 – 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,650 –4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งจะต่างจากรุ่นย่อย F Sport ที่มากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD รวมถึงตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ถูกเคลมมาให้ใน 9.2 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เคลมไว้ 9.5 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้เท่ากันทุกรุ่นย่อย คือ 200 กม./ชม.
On The Road … Impression
สิ่งที่น่าประทับใจในการลองขับนั้นว่ากันตั้งแต่เรื่องของการกดคันเร่งที่เรียกได้ว่า “แรง” สะใจ ชนิดที่ว่า “กด” เป็น “มา” และไม่ได้มาแบบกระชากกระชั้น หากแต่มาแบบต่อเนื่อง พร้อมแรงดึงที่รู้สึกได้ รวมถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่ต่อเนื่อง และนุ่มนวล ทำให้ในเส้นทางการขับขี่ที่ส่วนใหญ่เป็นถนน 2 เลน ซึ่งต้องอาศัยการเร่งแซงบ่อยครั้ง กลายเป็นเรื่อง “ง่าย” ไปโดยปริยาย
อีกทั้งด้วยลักษณะของตัวรถแบบ SUV ที่มีความสูงเป็น “ทุน” ทำให้การ “มอง” เพื่อ “ประเมินสถานการณ์” เบื้องหน้าเป็นอย่างราบรื่น และเอื้ออำนวยให้เราสามารถลื่นไหลไปตามจังหวะของการจราจรได้ไม่ยาก ด้วย “ต้นทุน” จากเรื่องของพละกำลัง แถมด้วยการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวถังรถ ที่ส่งผลให้เกิดความเฉียบคมในระดับที่รับรู้ได้จากทั้งระบบพวงมาลัย ไปจนถึงการตอบสนองของระบบช่วงล่างที่มีการพัฒนา และปรับเซ็ทใหม่ บนพื้นฐานด้านหน้าแบบ MacPherson Strut และคู่หลังแบบ Trailing-Arm Double Wishbone ที่มีทั้งความนุ่มหนึบ เจือปนด้วยความลงตัวกับน้ำหนักแปรผันของพวงมาลัยที่มอบความ “สบาย” ในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันก็สามารถมอบความมั่นใจในการขับขี่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งครั้งแรกเราแอบ “ตระหนก” เบาๆ ในจังหวะ “สาดโค้ง” แบบ “โยนหินถามทาง” แต่หลังจาก 2 ครั้งผ่านไป เราก็มั่นใจได้ทันทีว่า แม้น้ำหนักพวงมาลัยจะไม่ได้แข็งขืนเหมือนรถสปอร์ตเต็มขั้น แต่ RX300 ก็สามารถจัดการกับโค้งได้อย่างสบายๆ ภายใต้ความนิ่ง และการควบคุมที่ง่ายดายๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมอเนกประสงค์สไตล์สปอร์ตขับสนุก ที่สามารถทำให้สาวกแบรนด์ยุโรปอาจเปลี่ยนใจทันทีที่ได้ลองเลยทีเดียว
ราคารถใหม่ Lexus RX 300
Lexus RX 300 รุ่น Luxury ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 4,230,000 บาท
Lexus RX 300 รุ่น Premium ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 4,740,000 บาท
Lexus RX 300 รุ่น F-Sport ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 5,350,000 บาท