New Pajero Sport … กรุงเทพฯ – หัวหิน พิสูจน์ความ “เหนือกว่า” การเป็นแค่รถอเนกประสงค์
กรุงเทพฯ-หัวหิน คือ เส้นทางง่ายๆ ที่หลายคนเคยใช้กันเป็นประจำจนเป็นเรื่องน่าเบื่อ เว้นแต่ครั้งนี้ดูน่าสนใจมากกว่า เมื่อ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จํากัด ให้ใช้ New Pajero Sport เวอร์ชั่นล่าสุดเป็นพาหนะ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางด้วยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
New Pajero Sport กับความโดดเด่นในการ “อัพเกรด”
“มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” ใหม่ ยังคงมากับพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับเจนเนอเรชั่นปัจจุบัน แต่เพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น ด้วยงานดีไซน์ภายใต้แนวคิด “ความสำเร็จที่เป็นคุณ” กับการนำเสนอความทรงพลัง ผ่านคอนเซ็ปต์ Advanced Dynamic Shield อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ
ซึ่งประกอบด้วย การปรับระดับฝากระโปรงหน้าให้ยกสูงขึ้น เพื่อสร้างความมีมิติ ลงตัวกับชุดกระจังหน้า และตำแหน่งไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Spectrum LED ตลอดจนไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว และไฟตัดหมอกหน้า LED แบบ Combination Lamps ติดตั้งในบริเวณมุมกันชน ตลอดจนชุดไฟท้ายแบบ LED ที่มากับเส้นสายอันโดดเด่น จนถึงด้านข้างที่เสริมหล่อด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตทูโทนแบบใหม่
ภายในห้องโดยสารยังคงมีความคุ้นเคย แต่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้ในการออกแบบคอนโซลหน้า และคอนโซลกลางใหม่ ตลอดจนยกระดับคุณภาพด้วยส่วนของวัสดุ รวมถึงออพชั่นมาตรฐานที่จัดมาให้มากขึ้น เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 3 สไตล์ ทั้งยังรองรับเมนูภาษาไทย ไปจนถึงการเชื่อมต่อ และแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-Link Display Audio)
ส่วนระบบปรับอากาศจัดแบบอัตโนมัติมาให้ และสามารถปรับแยกอุณหภูมิได้อิสระซ้าย-ขวา พร้อมด้วยเทคโนโลยี nanoeTM เพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ อีกทั้งเบาะนั่งแถว 2 ยังมากับจอภาพแบบ Widescreen ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท และหูฟังอินฟราเรด รองรับความบันเทิงได้จากทั้งการเชื่อมต่อ HDMI และ USB
ซึ่งในส่วนของช่องต่ออุปกรณ์ USB ก็มีมาให้ถึง 2 ตำแหน่ง พร้อมช่อง HDMI บริเวณคอนโซลหน้า ในขณะที่ด้านหลังมากับช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ พร้อมช่อง USB 2 ตำแหน่งบริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง นอกจากนี้ยังมีระบบ Mitsubishi Remote Control ที่เพิ่มความสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อรถยนต์ผ่าน Application ที่สามารถสั่งการจากบน Smartphone ในระยะสัญญาณบลูทูธ
โดยจะมีฟังค์ชั่นหลักๆ ที่ประกอบด้วย ระบบ Reservation สำหรับสั่งการเปิด-ปิดประตูท้ายอัตโนมัติได้ล่วงหน้า จากสมาร์ทโฟน (ในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาที), ระบบ Vehicle Reminder ที่สามารถแจ้งเตือนสถานะของรถ เช่น ลืมล็อครถ, ลืมปิดไฟหน้า รวมถึงสามารถตรวจสอบสถานะของรถได้ เช่น การเปิด-ปิดไฟหน้า, การเปิด-ปิดไฟฉุกเฉิน พร้อมทั้งสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนได้ เช่น ปิดไฟฉุกเฉิน, สั่งล็อคประตูรถ (ในกรณีที่ประตูรถปิดสนิท)
ระบบ Operation Assist สำหรับการช่วยเหลือ และแจ้งเหตุผ่านสมาร์ทโฟน ในกรณีที่ไม่สามารถล็อครถได้ เช่น ไม่มีกุญแจ, ประตูปิดไม่สนิท, ลืมดับเครื่องยนต์ หรือลืมนำกุญแจออกจากรถ ระบบ Vehicle Information สำหรับแสดงข้อมูล และประวัติการใช้งาน เช่น อัตราเฉลี่ยการบริโภคน้ำมัน, ระยะการเดินทาง และประวัติการใช้รถ สุดท้ายกับระบบ Car Finder ที่จะช่วยค้นหารถยนต์ ด้วยการสั่งให้เปิดไฟหน้าจากสมาร์ทโฟนได้
ทั้งยังรวมไปถึงความสะดวกสบายจากฐานะของรถอเนกประสงค์ จากระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ที่เพียงแค่ยื่นเท้าเข้าไปใต้ท้องรถบริเวณซุ้มล้อหลัง ก็สามารถเปิดฝาท้ายได้ง่ายๆ แม้จะถือของเต็มไม้ เต็มมือก็ตาม
ขุมพลังเดิม แต่สัมผัสได้ถึงสมรรถนะที่ “เพิ่มขึ้น”
New Pajero Sport ยังคงมากับเครื่องยนต์ดีเซล ในพิกัด 2.4 ลิตร พร้อม VG Turbo และระบบ MIVEC ซึ่งสร้างกำลังสูงสุด 181 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift และ Sport Mode
ตลอดจนการติดตั้งระบบ INC (Idle Neutral Control) มาให้เพื่อช่วยควบคุม และตัดการส่งกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติ แม้ขณะเหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ “D” ก็ตาม พร้อมด้วยระบบ G-Sensor จะทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม และแม่นยำมากขึ้นในการขับขี่บนทางลาดชัน
อีกทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังเหนือชั้นด้วยระบบ Super Select 4WD-II พร้อมระบบควบคุมใหม่สำหรับปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนสำหรับเส้นทางออฟโรด ซึ่งนอกจากระบบขับเคลื่อนพื้นฐานอย่าง 2H, 4H, 4HLC และ 4LLC แล้ว ยังมีโหมดให้เลือกการส่งกำลังที่เหมาะกับสภาพพื้นผิวอีก 4 โหมดด้วยกัน คือ Gravel, Mud, Snow และ Rock เสริมด้วยความมั่นใจจากชุดเฟืองท้าย Rear Differential Lock ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ร่วมกับ Center Differential Lock ซึ่งเค้าบอกว่าจะทำให้การฝ่าอุปสรรคทำได้อย่างเหนือชั้น และมั่นใจยิ่งขึ้น (หรือไม่) นั่นคือสิ่งที่เราจะได้ “ลอง” กัน
กรุงเทพฯ – หัวหิน บนเส้นทางไม่ง่าย ที่เต็มไปด้วย “อรรถรส”
สำหรับกิจกรรมการทดสอบ “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” ใหม่ ในครั้งนี้ เรียกว่าทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการออกสตาร์ทจากกลางเมืองย่านถนนสาทร ณ ร้านอาหาร Brasserie 9 ประหนึ่งมีบ้าน และคอนโดอยู่ในย่านธุรกิจ ที่รถราคับคั่ง เพื่อให้ลองสัมผัสถึงการใช้งานรถอเนกประสงค์ PPV ขนาดใหญ่ กับการใช้งานในเมือง
ซึ่งบอกได้เลยว่าสัมัสได้ถึงความ “คล่องตัว” ที่มากขึ้น จากสิ่งแรกที่รู้สึกได้กับ “ระยะฟรี” ของพวงมาลัยที่ดูจะลดลง เอื้ออำนวยให้ควบคุมได้อย่างฉับไวมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนในสภาพการจราจรในเมือง แถมยังรวมถึงการใช้งานระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่จัดมาให้ เช่น ระบบ BSW With LCA (Blind Spot Warning with Lane Change Assist) ที่จะคอยช่วยมองในจุดอับสายตา พร้อมส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน
รวมถึงระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ตลอดจนระบบ FCM (Forward Collision Mitigation System) ระบบเตือนการชนด้านหน้า และช่วยชะลอความเร็ว อันจะช่วยให้การใช้รถขนาดใหญ่ในย่านที่เกือบจะเรียกว่าใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่ายอย่างคาดไม่ถึง
และไม่นานเราก็ถึงจุดที่สามารถใช้สมรรถนะได้อย่างเต็มเหยียด หลังจากผ่านพ้นย่านพระราม 2 เป็นที่เรียบร้อย และยังคงมั่นใจได้ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเดินทางปกติ หรือ ใช้ความเร็วเดินทางที่มากกว่าปกติก็ตาม และไม่นานเราก็เปลี่ยนเส้นทางสู่หัวหิน ด้วยถนนตัดผ่านเข้า อ. หนองหญ้าปล้อง มุ่งหน้าสู่ “ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” อันเป็นจุดนัดพบ ที่เราจะเข้าไปใช้สมรรถนะ Off Road แบบ Exclusive ลึกเข้าไปในจุดที่หลายคนไม่เคยไป หลังผ่าน “ด่านสามยอด”
กับเส้นทางออฟโรดเบาๆ ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ และทำให้เราได้ “ลองของ” ตัวช่วยต่างๆ เช่น กล้องมองภาพรอบทิศทาง Multi Around Monitor ที่ทำให้การวิ่งบนสะพานข้ามห้วยน้ำเป็นเรื่องง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอย่าง HDC (Hill Descent Control) ที่คุณสามารถปล่อยเท้าออกจากเบรก ได้อย่างมั่นใจว่าความเร็วที่ใช้จะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย และเหมาะสมกับ “องศา” การลง ในแบบที่คุณไม่ต้องควบคุมอะไรนอกจากทิศทางของพวงมาลัย
อีกทั้งในเส้นทางนี้ คุณยังสามารถสัมผัสได้ถึงความต่างระหว่างโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) และการยกระดับความมั่นใจด้วยโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ได้อย่างชัดเจน หรือลึกกว่านั้นด้วยโหมด 4HLC และ 4LLC ก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหา รวมถึงการใช้ 4 โหมด คือ Gravel, Mud, Snow และ Rock ตามความต้องการ เพื่อสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นว่า นี่คือ รถที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบถ้วนทุกการใช้งานไม่ว่าจะในโหมดใช้ชีวิตธรรมดา หรือออกไปผจญภัยกับโลกกว้างก็ตาม
เพราะหลังจากลุยป่าเข้ามาพักเบรกรับโอโซน และต้องกลับออกไปในเส้นทางเดิม เพื่อเดินหน้าสู่ที่พัก ณ Hua Hin Marriott Resort & Spa เท่านั้นก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้มั่นใจได้ว่า “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” ใหม่ คือ “เพื่อนที่ดี” สำหรับคนรักกิจกรรมแบบ Outdoor และรวมถึงการเป็น “เพื่อนที่ดี” สำหรับครอบครัวในทุกๆ วัน ด้วยฐานะของรถอเนกประสงค์ที่ “ครบเครื่อง” ทุกความต้องการ โดยเฉพาะถ้าเลือกคบหากับ “รุ่นท็อป” ที่ “คุ้มค่า” ที่สุด
ราคารถใหม่ New Pajero Sport
New Pajero Sport รุ่น 4WD GT-Premium ราคา 1,599,000 บาท
New Pajero Sport รุ่น 2WD GT-Premium ราคา 1,469,000 บาท
New Pajero Sport รุ่น 2WD GT ราคา 1,299,000 บาท