Tesla รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แห่งอนาคต ในต่างประเทศเริ่มขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ อย่าง Hongkong รุ่น Tesla Model S มาแรง
หลังจากการเดินทางเป็นต่างประเทศบ่อยๆ ผมเริ่มที่จะสังเกตดูได้ว่า “ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ” ล้วนๆ อย่าง Tesla วิ่งกันอยู่ในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศฮ่องกง ที่เป็นเกาะเล็กๆ จึงเหมาะมากที่จะใช้รถพลังงานไฟฟ้าแบบนี้ ตามโรงแรมใหญ่ ห้างดังๆ จะมี สถานีชาร์จ รอรับเอาไว้หมดแล้ว อีกทั้งตอนนี้กระแสทั่วโลกกำลังดี เลยทำให้ต้องพยายามเพิ่มสถานีชาร์จ โดยตั้งเป้า 25,000 จุดภายในสิ้นปีทั่วโลก แม้จะดูว่ายังน้อยแต่ผมก็มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
สถานี Supercharger
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคยังไม่เชื่อมั่นใน “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” คือ จำนวนสถานีชาร์จ ที่หากมีไม่พอต่อความต้องการ อาจทำให้ไม่สามารถเดินทางไกล หรือใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งค่ายนี้ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเจ้าแรกๆ ที่แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้สถานีชาร์จด่วน หรือ Supercharger ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีก็เดินทางต่อได้อีกราว 270 กิโลเมตร ช่วงต้นปี 2017 นี้มีสถานี Supercharger ทั่วโลกอยู่ 5,000 จุด โดยตั้งเป้าขยายให้มากกว่า 10,000 จุด และเพิ่มสถานีชาร์จธรรมดาตามห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, ร้านอาหาร ฯลฯ ให้มากกว่า 15,000 จุดภายในสิ้นปีนี้ รวมแล้วจะมีสถานีชาร์จมากกว่า 25,000 จุด เพื่อรองรับ ซึ่งทั่วโลกขณะนี้มีรถมากกว่า 200,000 คันแล้ว รุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เช่น Tesla Model S, Tesla Model X, Tesla Model 3
ยิ่งเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla Motors ได้ทวีตข้อความถึงจำนวนการจองรถรุ่่น Model 3 รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของบริษัทว่าทำยอดจองสูงถึง 253,000 คันใน 36 ชั่วโมงแรกของการเปิดจอง นั่นหมายถึงในทุกๆ ชั่วโมงมีคนจอง 7,000 คัน และอีกวันถัดมา ยอดจองก็ทะลุ 325,000 คันไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งทำให้ผมแปลกใจเอามากๆ สถานีชาร์จไฟฟ้าก็ยังหายากมากๆ เมื่อนำมาเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายแบบจริงจังเป็น Mass Product เช่น Nissan Leaf ซึ่งมียอดจำหน่ายเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 20,000 คัน (ปัจจุบันขายไปแล้วราว 200,000 คันในระยะเวลา 4-5 ปี) ในราคาคันละ 29,000 เหรียญ ขณะที่รุ่น Model 3 จำหน่ายในราคา 42,000 เหรียญ ซึ่งแพงกว่ามากด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นแปลว่าการทำการตลาดกับสินค้าของเค้าโดนใจผู้บริโภคเอามากๆ
อนาคต “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า”
แนวโน้มในอนาคตของ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” จะไปได้ไกลขนาดไหนถ้ามียอดจองกันขนาดนี้ มันจะทำให้ส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น แบตเตอรี่ที่ใช้มีราคาถูกลง เทคโนโลยีต่างๆ ดีขึ้น และอาจเผื่อแผ่ไปถึงแผงโซลาร์เซลล์ที่ราคาน่าจะลดลงตามไปด้วย ผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นก็คือ น่าจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าอื่นเริ่มเห็นลู่ทางและพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมาอย่างจริงจัง
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=Q4VGQPk2Dl8[/embedyt]
คำถามส่งท้าย “เมืองไทยรออะไร..ครับ”