Top 5 อันดับภาพยนตร์ดังที่ “รถในหนัง” โคตรเด่น จน “แย่งซีน” นักแสดงไปเต็มๆ
เชื่อว่า “พวกบ้ารถ” มักจะชอบอะไรหลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับรถไม่ว่าจะเป็นการแต่งรถ, ของสะสม รวมไปถึงการชมภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับรถ ซึ่งในแต่ละเรื่องบรรดาผู้กำกับต่างก็พยายามจะหารถให้เหมาะสมกับตัวหนัง และบุคคลิกของนักแสดงมากที่สุด เพื่อนำเสนอความมันส์ และความน่าจดจำของตัวภาพยนตร์ … แต่ทว่าเซอร์ไพรส์มักเกิดขึ้นได้เสมอ เลยกลายเป็นว่าภาพยนตร์บางเรื่อง “รถ” ที่นำมาใช้กลับโดดเด่นเกินหน้า เกินตา ชนิดที่ว่า “แย่งซีน” ไปเต็มๆ จนเราเชื่อว่าผู้ชมไม่น้อย “จำฉากซิ่งรถ” ในภาพยนตร์เรื่องนั้น ได้ดีกว่าสิ่งที่ตัวหนังพยายามนำเสนอด้วยซ้ำ และนี่ก็คือ Top 5 ภาพยนตร์ในความทรงจำที่เราคิดว่า “ฉากเกี่ยวกับรถ” มัน “ขโมยซีน” ไปหมดแทบจะทั้งเรื่องเลยทีเดียว
1983 DeLorean DMC-12 … Back to the Future I, II, III
ผลงานไตรภาคของผู้กำกับ Robert Zemeckis ที่ ณ ปัจจุบันกลายเป็นหนังคลาสสิคในความทรงจำอย่าง Back to the Future ที่มีตัวเอกหลักๆ 2 คน คือ Marty McFly ที่รับบทโดย Michael J. Fox และ Dr. Emmett L. Brown รับบทโดย Christopher Lloyd
พล็อตหนังนำเสนอเรื่องราววิทยาศาสตร์ เมื่อ Dr. Emmett L. Brown สร้าง Time Machine ขึ้นมาได้สำเร็จ และสามารถ “ข้ามเวลา” ได้จริง จนกลายเป็นต้นเหตุของความยุ่งเหยิงตั้งแต่ปัจจุบัน ยันอดีต ลามไปถึงอนาคต ที่ทำให้ทั้ง Marty McFly และ Dr. Emmett L. Brown ต้องตามแก้ไขให้ทุกอย่างถูกต้องตามสิ่งที่ควรจะเป็น
ทั้ง 3 ภาคสร้างความน่าสนใจด้วยฉากย้อนยุค และฉากโลกอนาคตได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อเทียบกับการสร้างหนังในยุค 80-90 แม้จะใช้พล็อตเรื่องคล้ายๆ กัน เพียงต่างสถานที่ต่างเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมอย่างเราๆ รอคอยการปรากฏตัวในภาพยนตร์อยู่ตลอดก็คือ “ยาน Time Machine”
โดยในภาพยนตร์ชุดนี้ได้ใช้รถ DeLorean DMC-12 มาสร้างเป็น “ยาน Time Machine” ซึ่งจุดเด่นในภาพยนตร์ก็คือ ความสามารถในการวาร์ปไป วาร์มา จากภาคแรก ก่อนจะโผลมาในภาค 2 และ 3 กับความสามารถในการบริโภคขยะเป็นเชื้อเพลิง แถมยังพับล้อเหาะได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยสุดๆ
แต่นั่นก็เป็นเพียงความบันเทิงบนแผ่นฟิล์ม เพราะความเป็นจริง DeLorean DMC-12 คือ รถสปอร์ตทรงลิ่มแบบ 2 ประตูจาก บริษัท DeLorean Motor Company โดยมีผู้ก่อตั้ง คือ John Zachary DeLorean และผลิตเจ้านี่ขึ้นในช่วงปี 1981-1983 ด้วยจำนวนที่น้อยมากๆ เพียง 8,583 คัน จนเรียกว่าเป็นระดับ Rare Item เลยก็ว่าได้
ส่วนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ DeLorean DMC-12 ก็ต้องยกให้รูปลักษณ์สปอร์ตจากฝีมือของดีไซเนอร์ชาวอิตาลี นามว่า Giorgetto Giugiaro จากสำนัก ITAL Design พร้อมด้วยประตูแบบ Gullwing โดยมีโครงสร้างที่ทำจากเหล็กกล้า และตัวถังที่ทำด้วยสแตนเลสเพียวๆ ไม่มีการลงสี
เพราะฉะนั้นทั้งล็อตของการผลิตจึงมีเพียงสีเดียวให้เลือก คือ สีบอรนซ์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังขนาด 2,849 ซีซี แบบ V6 โดยจะมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 130 แรงม้า ส่วนในเวอร์ชั่นยุโรปจะดันขึ้นไปที่ 170 แรงม้า มีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด แถมติดตั้งระบบดิสก์เบรกมาให้ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งถือว่าล้ำมากทีเดียวในยุค 80
1967 Shelby Mustang GT500 … Gone in 60 Seconds
Eleanor ชื่อที่สาวก Muscle Car เรียกขานกันติดปาก ด้วยอิทธิพลของหนังเรื่อง Gone in 60 Seconds โดยในภาพยนตร์เวอร์ชั่นดั้งเดิมปี 1974 นั้นคือ รถ Ford Mustang Sportsroof ปี 1971 ซึ่งนั่นน่าจะ “ลึก” ไปหน่อย เพราะเวอร์ชั่นที่ต้องเรียกว่า “ติดตาตรึงใจ” ต้องยกให้กับเวอร์ชั่นรีเมคจากผู้กำกับ Dominic Sena ที่ออกมาฉายในปี 2000
โดยเวอร์ชั่นนี้สร้างจุดสนใจด้วยดาราใหญ่อย่าง Nicolas Cage ที่มารับบท Memphis Raines ยอดนักจารกรรมรถที่ล้างมือในอ่างทองคำ กลับมาทำอาชีพสุจริต แต่โชคชะตาเล่นตลกเมื่อน้องชายอย่าง Kip Raines ที่รับบทโดย Giovanni Ribisi อยากจะก้าวตามรอยพี่ชาย จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะดันไปรับงานจากเจ้าพ่อขาโหด
งานนี้เลยเดือดร้อนพี่ชายต้องกลับมาตามล้าง ตามเช็ดให้อีกครั้ง ด้วยความร่วมมือจากพรรคพวกเก่าๆ และเพื่อนๆ ของน้องชายตัวดี ส่วนนักแสดงที่โดดเด่นซึ่งรับบท Sway ที่เป็นทั้งลูกทีม, เพื่อน และอดีตคนรักของ Memphis Raines ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะเธอคนนั้นก็คือสาวเซ็กซี่อย่าง Angelina Jolie นั่นเอง
ส่วนไฮไลต์ของหนังก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของการจารกรรมที่บีบคั้นด้วยเวลากับจำนวนรถ 50 คันที่ต้องหายวับไปในคืนเดียว ฉะนั้นเราจะได้เห็นบรรดารถสวยๆ หลากหลายรุ่นตั้งแต่ยุคคลาสสิค ไปจนถึง Ferrari รุ่นใหม่ ซึ่งทั้งหมด คือ ออเดิร์ฟ เพราะจานหลักของเรื่อง คือ “Eleanor” รถ Shelby Mustang GT500 ปี 1967 ที่ “โคตรงาม” และ “คำราม” ด้วยเสียงอันไพเราะ
ซึ่งนั่นคือตัวแรงที่ได้รับการปรับแต่ง เพื่อฉากแอ๊คชั่นมันส์สะใจในภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นมันจึงมีอุปกรณ์เสริมสมรรถนะติดตั้งมาด้วย แต่ในขณะเดียวกันตัวจริงก็นับว่าแรงไม่แพ้กันทีเดียวจากพื้นฐานขุมพลังแบบ V8 พิกัด 7 ลิตร 355 แรงม้า ที่ซิ่งได้อย่างสะใจในภาพยนตร์จนเฮลิคอปเตอร์ยังตามไม่ทัน
เรียกได้ว่าตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้ายในการปรากฏตัวของ “Eleanor” คือไฮไลต์ที่น่าจะทำเอาผู้ชมจ้องตาไม่กะพริบเลย และคงไม่อาจะปฏิเสธได้ว่าเจ้า Shelby Mustang GT500 ปี 1967 คันนี้นี่แหละที่ “แย่งซีน” ดารานำซะอยู่หมัด ทำเอาซะบางคนจำแต่ชื่อรถ ไม่ได้จำชื่อหนังกันเลยทีเดียว
2001 Mini Cooper … The Italian Job
อีกหนึ่งภาพยนตรีเมคที่อัพเกรดจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมปี 1969 อย่าง The Italian Job สู่โลกแห่งความทันสมัยภายใต้ฝีมือการกำกับของ Felix Gary Gray ที่ยังคงรักษาพล็อตเรื่องดั้งเดิม ด้วยเรื่องของการจารกรรม หักหลัง และล้างแค้น นำทีมโดยทัพดาราที่คุ้นหน้า คุ้นตากันเป็นอย่างดี เช่น Mark Wahlberg, Charlize Theron, Jason Statham, Edward Norton และดารารุ่นใหญ่อย่าง Donald Sutherland (บิดาของ Kiefer Sutherland ในหนังซีรี่ส์ 24)
โดยตัวเอกของเรื่องนั้นแน่นอนว่าต้องเป็น Mark Wahlberg ที่รับบทเป็น Charlie Croker ชายหนุ่มที่หัดเป็นโจรตั้งแต่วัยเด็ก และ Charlize Theron รับบทเป็น Stella Bridger ลูกสาวของ John Bridger รับบทโดย Donald Sutherland ที่โดยเพื่อนร่วมแก็ง Steve Frazelli ที่แสดงโดย Edward Norton ซึ่งหักหลังชิงทองคำแท่งที่ปล้นมาได้ และถูกฆ่าตาย
สำหรับตัวหนังเดินเรื่องด้วยการวางแผนปล้น Steve Frazelli ด้วย 2 ประเด็นหลักๆ คือ ชิงทองคำแท่งจำนวนมหาศาล และลูกสาวที่ต้องการล้างแค้นให้ผู้เป็นพ่อ ซึ่งจุดสนุกก็คือ วิธีต่างๆ ในการวางล้วงข้อมูล เพื่อวางแผนปล้น จนนำไปสู่จุดพีคของเรื่องเพราะ “ความแตก” ทำให้แผนที่วางไว้ต้องปรับเปลี่ยนกะทันหัน
ฉะนั้นจากกลางเรื่องที่เราวาดภาพจะได้เห็นการซิ่งรถ Mini Cooper ปี 2001 เจนเนอเรชั่นแรก จากห้องนิรภัย ผ่านกลางห้องโถง โผล่ออกหน้าตัวบ้าน จึงกลายเป็นเรื่องราวของการซิ่งรถในท่อระบายน้ำ และนี่ก็คือฉากไฮไลต์ที่มีรถ Mini Cooper และ Cooper S Hatchback 3 คัน วิ่งร่อนไปตั้งแต่ในเมือง ลงไปในสถานีรถไฟใต้ดิน ไปถึงท่อระบายน้ำอย่างสุดมันส์ แม้จะต้องแบกน้ำหนักอยู่ถึงคันละ 2,700 ปอนด์ หรือราวๆ 1.2 ตันก็ตาม เพราะในภาพยนตร์รถทั้ง 3 คันนั้นได้รับการอัพเกรดสมรรถนะขึ้นใหม่ ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งฉากคลาสสิค
แต่นอกจอรถทั้ง 3 คันก็ถือว่าเร้าใจพอตัวทีเดียว กับเครื่องยนต์พิกัด 1.6 ลิตร โดยในรุ่น Cooper พื้นฐานจะมีกำลังอยู่ที่ 114 แรงม้า แรงบิด 149 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้ยยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ส่วนของแรง Cooper S ตัวแรงจะมากับตัวช่วย Supercharged ที่มีกำลังถึง 160 แรงม้า กับแรงบิด 210 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
2014 Shelby GT500 Super Snake … Getaway
เรื่องต่อมายังคงเป็นหนังรีเมคอีกเช่นกัน กับเรื่อง Getaway ที่ออกฉายในปี 2013 ที่ปรับปรุงมาจากต้นฉบับในปี 1972 โดยในหนังฉบับใหม่นี้ได้ผู้กำกับอย่าง Courtney Solomon มานั่งแท่นบัญชาการ ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง Ethan Hawke มารับบท Brent Magna อดีตนักแข่งที่แขวนพวงมาลัยไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่ดวงซวยเพราะประสบการณ์ในอดีต เนื่องจากกลุ่มคนลึกลับได้ทำการจับตัวภรรยาของ Brent Magna ไป พร้อมกับนำเสนอภารกิจผ่านสายโทรศัพท์ แบบไม่อาจขัดขืนได้ โดยมี Muscle Car อย่าง Ford Shelby GT500 Super Snake เป็นสุดยอดยานพาหนะที่ต้องใช้ขับไปตามคำสั่งตลอดทั้งเรื่อง โดยมี Selena Gomez ที่รับบทเป็นเด็กสาวเจ้าของรถ จำเป็นต้องนั่งไปด้วย
ส่วนพล็อตของหนังก็ไม่มีอะไรมาก เพราะยังคงเป็นเรื่องราวของการจารกรรม ซึ่งมีพระเอกของเราต้องซิ่งรถไปในแต่ละจุดตามคำสั่ง ราวกับการเล่นเกมส์ เพื่อถ่วงเวลา และสร้างความวุ่นวายใหกับเจ้าหน้าที่ในการไล่ล่า Brent Magna ซึ่งจะใช้เป็นจุดสร้างโอกาสให้เหล่าผู้ร้ายได้จารกรรมทรัพย์สินจากพ่อของสาวน้อยที่นั่งรถไปด้วยนั่นเอง
ฉะนั้นบอกเลยว่าตัวบทหนังเองก็ไม่ได้สร้างจุดสนใจมากพอ แล้วก็ไม่ได้ส่งให้ทั้ง Ethan Hawke และ Selena Gomez โดดเด่น หากแต่กลายเจ้า Ford Shelby GT500 Super Snake ที่วิ่งพล่านไปทั่วทั้งเมืองต่างหากที่เตะตากว่าสิ่งอื่นใด จนขนาดเราเองดูจบแล้วยังสงสัยว่าผู้กำกับ Courtney Solomon เค้าตั้งใจขายอะไรกันแน่ระหว่าง “หนัง หรือ รถ” แต่ดูเหมือนว่าลึกๆ เค้าอยากจะโปรโมทรถใหม่เวอร์ชั่นปี 2014 ด้วย ก็เลยใส่พี่เค้าลงไปในหนัง
แต่เอาเหอะอย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่าเจ้า Ford Shelby GT500 Super Snake อาละวาดอย่างสะใจ ด้วยเครื่องยนต์ระดับ V8 ขนาด 5.8 ลิตรพ่วง Supercharger ที่ส่งเรี่ยวแรง 725 แรงม้า อออกมาลงผ่านล้อคู่หลังให้เราได้ชมกัน … และก็ที่บอกล่ะครับว่านั่นคือเวอร์ชั่นในหนัง ส่วนเวอร์ชั่นจริงน่ะเค้ามีหลายรุ่นย่อยให้เลือกตั้งแต่เบาๆ ระดับ 600 แรงม้า ไปจนถึงตัวแรงสุดๆ กว่า 800 แรงม้า กันเลยทีเดียว
2014 Custom Ford Shelby Mustang GT500 … Need For Speed
Need For Speed ภาพยนตร์ที่มีชื่อเดียวกับเกมส์ชื่อดัง แต่ไม่มีมีอะไรเหมือนในเกมส์เลยซักนิด คือ หนังของผู้กำกับชื่อ Scott Waugh ที่ปล่อย Official Trailer ออกมากระตุ้น “ความอยาก” พวกบ้ารถได้อย่างดี ในขณะที่เมื่อตุณตีตั๋วเข้าไปดูในโรงจนจบ ก็จะกลับออกมาพร้อมกับความว่างเปล่าในหัวสมอง พร้อมกับถามตัวเองว่า “เราผิดอะไร ถึงได้หักหลังกันขนาดนี้” เพราะบอกตรงๆ ว่าพล็อคหนังมัน “โคตร” จะไม่มีอะไรน่าสนใจ
โดยเรื่องมันเริ่มต้นจาก พระเอกของเรา Tobey Marshall ที่รับบทโดย Aaron Paul ได้รับการว่าจ้างจากคนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่อย่าง Dino Brewster ที่แสดงโดย Dominic Cooper มาว่าจ้างให้สร้างสุดยอดรถ 1 คัน ซึ่งก็คือเจ้า Ford Shelby Mustang GT500 สไตล์ Custom แบบไม่มีเหมือนใคร ทั้งความสวย และความแรงแบบสุดขั้ว
จนเมื่อรถสร้างเสร็จสมบูรณ์เอาไปลองวิ่งในสนามก็เกิดการท้าทายกันขึ้นระหว่างพระเอก และตัวโกง โดยมีไอ้เด็กเกรียนอย่าง Pete Coleman ที่แสดงโดย Harrison Gilbertson ยุแยงให้เอารถ Koenigsegg Agera ไปแข่งกันบนถนน จนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ Pete ลงโลงไป ส่วนพระเอกโดนป้ายความผิด ติดคุกหัวโต ซึ่งก็แน่ล่ะว่าเมื่อความแค้นอัดแน่นเต็มออก ทันทีที่ถูกปล่อยตัวการแก้แค้นจึงเริ่มต้นขึ้น และก็จบลงด้วยเรื่องทุกอย่างถูก “แฉ” และตัวโกงติดคุกไปตามระเบียบ
ใช่ครับพล็อคเรื่องมีแค่นั้น แต่ชื่อหนังมันติดหู เพราะนี่คือชื่อที่พวกบ้ารถรู้จักกันดีในฐานะเกมส์แข่งรถยอดนิยม Need For Speed แล้วก็มีรถระดับ Super Car โผล่มากองรวมกันในหนังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bugatti Veyron Super Sport, Lamborghini Sesto Elemento, McLaren P1, Saleen S7 หรือแม้กระทั่งของหายากอย่าง GTA Spano
และนี่ก็คือจุดเด่นของหนังที่น่าจดจำ เพราะน้อยเรื่องนักที่คุณจะเห็น Super Car เหล่านี้ออกมาวิ่งรวมกันในหนังเรื่องเดียว ซึ่งถ้าคิดว่ามาชมฉากซิ่งรถอย่างเดียวก็ถือว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่ แต่ถ้าคาดหวังในตัวหนังล่ะก็ …. ขอไม่กล่าวอะไรดีกว่า นอกจากถ้าผมจะเปิดดูอีกครั้ง คงดูแต่ฉากที่มีการซิ่งรถอย่างเดียว มากกว่าจะดูทั้งเรื่อง แล้วก็ถ้าถามว่าในทั้งหมด Top 5 เรื่อง เรื่องไหนที่ “รถแย่งซีน” ไปทั้งหมดแบบเต็มๆ ล่ะก็ ผมตอบเลยว่าเรื่องนี้แหละครับ Need For Speed เพราะขนาดนักแสดงซักคนผมยังแทบไม่รู้จัก