โตโยต้าแถลงยอดขายรถยนต์ปี 2562 คาดการณ์ตลาดรวมในประเทศปี 2563 อยู่ที่ 940,000 คัน และตั้งเป้าหมายการขายโตโยต้าที่ 310,000 คัน
โตโยต้าแถลงยอดขายรถยนต์ปี 2562
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2562 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2563 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2562 ลดลง 3% โดยมียอดขายอยู่ที่ 1,007,552 คัน แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้ยังถือได้ว่าเป็นครั้งที่สี่ในประวัติศาสตร์ของตลาดรถยนต์ไทยที่มียอดขายถึงระดับหนึ่งล้านคัน ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์มีการหดตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่เดือนกันยายนผ่านมา”
สถิติการขายรถยนต์ในประเทศปี 2562
ยอดขายปี 2562 | เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2561 | |
ปริมาณการขายรวม | 1,007,552 คัน | -3.3% |
รถยนต์นั่ง | 398,386 คัน | -0.3% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 609,166 คัน | -5.1% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 492,129 คัน | -3.8% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 431,677 คัน | -3.4% |
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2563 มร.ซึงาตะ คาดการณ์ว่า“ปีนี้นับเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่งสำหรับตลาดรถยนต์ไทย เนื่องจากตลาดรถยนต์ยังคงเผชิญกับหลายปัจจัย จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและมาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศจะอยู่ที่ 940,000 คัน ลดลงประมาณ 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2563
ยอดขาย ประมาณการปี 2563 | เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2561 | |
ปริมาณการขายรวม | 940,000 คัน | -6.7% |
รถยนต์นั่ง | 358,500 คัน | -10.0% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 581,500 คัน | -4.5% |
มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “สำหรับยอดขายโตโยต้าในปี 2562 สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นสวนทางกับสถานการณ์ตลาดที่หดตัวลง โดยโตโยต้ามียอดขายอยู่ที่ 332,380 คัน เพิ่มขึ้นประมาณ 6% ครองส่วนแบ่งการตลาด 33.0% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.8 จุด โดยปัจจัยหลักมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้า และจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงใหม่ของรถยนต์นั่งอย่าง New Camry และ New Corolla Altis รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของ Yaris และ ATIV ตลอดจนรถเพื่อการพาณิชย์ อย่าง Hilux Revo Z Edition, Commuter และ Majesty”
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2562
ยอดขายปี | เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2561 | ส่วนแบ่งตลาด | ส่วนแบ่งตลาด เติบโต (จุด) | |
ปริมาณการขายโตโยต้า | 332,380 คัน | +5.5% | 33.0% | +2.8 |
รถยนต์นั่ง | 117,708 คัน | +4.7% | 29.5% | +1.4 |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 214,672 คัน | +5.9% | 35.2% | +3.6 |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 191,669 คัน | +8.3% | 38.9% | +4.3 |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 165,452 คัน | +9.6% | 38.3% | +4.5 |
มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับเป้าหมายของโตโยต้าในปี 2563 โตโยต้ามีเป้าหมายการขายที่ 310,000 คัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 33.0% ลดลงประมาณ 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เราจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกค้านับตั้งแต่วันแรกที่ซื้อรถยนต์ ตลอดจนวันสุดท้ายของการใช้งาน”
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2563
ยอดขาย | เปลี่ยนแปลง ประมาณการปี 2563 | ส่วนแบ่งตลาด เทียบกับปี 2562 | |
ปริมาณการขายรวม | 310,000 คัน | -6.7% | 33.0% |
รถยนต์นั่ง | 103,000 คัน | -12.5% | 28.7% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 207,000 คัน | -3.6% | 35.6% |
ด้านการส่งออกในปี 2562 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 264,775 คัน ลดลง 10% ทั้งนี้ปริมาณการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 570,850 คัน ลดลง 3% สืบเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในหลายภูมิภาค เช่น โอเชียเนีย อเมริกากลางและอเมริกาใต้
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2562
ปริมาณ ปี 2562 | เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2561 | |
ปริมาณการส่งออก | 264,775 คัน | -10% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 570,850 คัน | -3% |
สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 263,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1% อันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศคู่ค้ายังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้แผนการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกจะอยู่ที่ 556,000 คัน ลดลง 3%
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2563
ปริมาณ ปี 2563 | เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2562 | |
ปริมาณการส่งออก | 263,000 คัน | -1% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 556,000 คัน | -3% |
มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปในรอบศตวรรษ โดยโตโยต้ามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรจากเดิมที่เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ สู่การเป็น “องค์กรแห่งการขับเคลื่อน” (Mobility Company) ซึ่งหมายความว่าเราจะมุ่งเดินหน้าพัฒนาการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดระยะเวลากว่า 57 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โตโยต้ามีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเดินหน้าพัฒนาให้เกิด “สังคมที่ดียิ่งขึ้น” (Ever-Better Society) ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการแนะนำรถยนต์ไฮบริดในหลากหลายรุ่น รวมไปถึงการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย และการพัฒนาไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ไม่เพียงเท่านี้ โตโยต้ายังพัฒนาระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดแบบครบวงจร ซึ่งเราเชื่อว่าความพยายามทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำการสร้างสรรค์สังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
นอกจากนี้โตโยต้ายังเน้นย้ำต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยในด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากโครงการที่มีมากกว่า 30 ปี นั่นคือ“โตโยต้า ถนนสีขาว” โครงการที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อนำไปสู่การสร้าง “สังคมคนขับรถดี” (Good Driver Society) โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมากับ “หลักสูตรการขับขี่ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม” (Safe Eco Driving) ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้แทนจำหน่าย ประชาชน นักศึกษาและผู้ขับขี่รถสาธารณะ โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 70,000 คน ซึ่งเป็นความตั้งใจของโตโยต้าในการที่จะมีบทบาทสำคัญในการสร้าง “สังคมคนขับรถดี” (Good Driver Society)
สำหรับโครงการด้านสิ่งแวดล้อม โตโยต้ามีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญคือ “โตโยต้า ปลูกป่าชายเลน” (Toyota Mangrove Reforestation) ซึ่งเราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ชื่อ “โตโยต้า เมืองสีเขียว” (Toyota Green Town) โดยในปีนี้โตโยต้าวางแผนที่จะปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ต้น ส่งผลให้จำนวนต้นไม้ที่เราปลูกนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2547 มีรวมทั้งหมดถึง 692,000 ต้น
นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าจัดกิจกรรมเก็บขยะชายเลน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเรามีเป้าหมายเก็บขยะให้ได้ 20 ตันในปีนี้ ซึ่งเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วนับได้ว่าเราจะสามารถช่วยให้มีการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 9,100 ตัน ในขณะเดียวกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ ผ่านศูนย์การเรียนรู้ 2 แห่งของเรา ได้แก่ “โตโยต้าไบโอโทป” (Toyota Biotope) ที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า บ้านโพธิ์ และ “โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา” (Toyota Green Town Ayutthaya) ซึ่งประชาชนได้ให้ความสนใจศูนย์การเรียนรู้ทั้ง 2 แห่งนี้เป็นอย่างดี โดยมีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมรวมตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ กว่า 77,000 คน
และอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเรามีโครงการ “โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์” (Toyota Social Innovation) เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจและหลักปฏิบัติของโตโยต้าให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลกำไรและพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาเราได้ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ธุรกิจชุมชน 19 แห่งทั่วประเทศ และในปีนี้เราวางแผนที่จะขยายการดำเนินการเพิ่มเติมอีก 13 แห่ง ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในท้ายที่สุด”
มร.ซึงาตะ กล่าวปิดท้ายว่า “อย่างที่ทุกท่านทราบ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ภายใต้แนวคิดเพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้…ให้เป็นไปได้ (Start Your Impossible) โดยมีฐานะเป็นผู้สนับสนุนด้านการขับเคลื่อนในระหว่างช่วงการแข่งขัน ซึ่งโตโยต้าไม่เพียงแต่จะสนับสนุนยานพาหนะในการสัญจรไปมาเท่านั้น แต่จะยังมอบการบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนการขับเคลื่อน ซึ่งรวมไปถึงหุ่นยนต์ด้วย ทั้งนี้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะจัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคมนี้ ตามมาด้วยกีฬาพาราลิมปิกซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม – 6 กันยายนนี้
สำหรับโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มพันธมิตรภายใต้โครงการ “The Power of Unity” เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมปีที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาชาวไทยก่อนการแข่งขัน พร้อมส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่กำลังจะมาถึง ตลอดจนเฉลิมฉลองความสำเร็จของฮีโร่ชาวไทยผู้นำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศ ซึ่งในขณะนี้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว และเรากำลังอยู่ในช่วงของการคัดเลือกตัวนักกีฬา ผมขอให้ทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020 ด้วยการส่งแรงเชียร์และกำลังใจให้กับบรรดานักกีฬาชาวไทยทุกคน
นอกจากนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังได้ให้การสนับสนุนรถโตโยต้า คอมมิวเตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับนักกีฬาโอลิมปิก และรถโตโยต้า คอมมิวเตอร์ เวลแค็บ ที่มีการปรับแต่งพิเศษสำหรับนักกีฬาพาราลิมปิก ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่โตโยต้ามีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน เราจึงตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถที่มีในการช่วยพัฒนาอุปกรณ์ในการฝึกซ้อมของนักกีฬาพาราลิมปิก ที่สำคัญเรามีความยินดีที่จะมอบโอกาสให้นักกีฬาพาราลิมปิกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโตโยต้า เริ่มต้นด้วยการรับนักกีฬาพาราลิมปิก 4 คนเข้ามาเป็นพนักงานของบริษัทฯ
ทั้งหมดนี้คือความภาคภูมิใจของเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างสังคมไทย”
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2562
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 89,285 คัน ลดลง 21.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 29,487 คัน | ลดลง | 5.3% | ส่วนแบ่งตลาด 33.0% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 15,767 คัน | ลดลง | 28.1% | ส่วนแบ่งตลาด 17.7% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า | 9,537 คัน | ลดลง | 28.2% | ส่วนแบ่งตลาด 10.7% |
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 32,766 คัน ลดลง 18.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 10,080 คัน | เพิ่มขึ้น | 9.4% | ส่วนแบ่งตลาด 30.8% |
อันดับที่ 2 ฮอนด้า | 6,843 คัน | ลดลง | 26.1% | ส่วนแบ่งตลาด 20.9% |
อันดับที่ 3 มาสด้า | 3,369 คัน | ลดลง | 27.7% | ส่วนแบ่งตลาด 10.3% |
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 56,519 คัน ลดลง 22.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 19,407 คัน | ลดลง | 11.5% | ส่วนแบ่งตลาด 34.3% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 15,767 คัน | ลดลง | 28.1% | ส่วนแบ่งตลาด 27.9% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 4,623 คัน | ลดลง | 22.8% | ส่วนแบ่งตลาด 8.2% |
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 45,025 คัน ลดลง 23.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 17,128 คัน | ลดลง | 11.8% | ส่วนแบ่งตลาด 38.0% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 14,677 คัน | ลดลง | 27.2% | ส่วนแบ่งตลาด 32.6% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 4,623 คัน | ลดลง | 22.8% | ส่วนแบ่งตลาด 10.3% |
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 5,432 คัน
โตโยต้า 2,164 คัน – มิตซูบิชิ 1,355 คัน – อีซูซุ 768 คัน – ฟอร์ด 703 คัน – เชฟโรเลต 298 คัน – นิสสัน 144 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 39,593 คัน ลดลง 23.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 14,964 คัน | ลดลง | 12.5% | ส่วนแบ่งตลาด 37.8% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 13,909 คัน | ลดลง | 25.9% | ส่วนแบ่งตลาด 35.1% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 3,890 คัน | ลดลง | 21.2% | ส่วนแบ่งตลาด 9.8% |
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2562
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 1,007,552 คัน ลดลง 3.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 332,380 คัน | เพิ่มขึ้น | 5.5% | ส่วนแบ่งตลาด 33.0% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 168,215 คัน | ลดลง | 5.4% | ส่วนแบ่งตลาด 16.7% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า | 125,833 คัน | ลดลง | 1.9% | ส่วนแบ่งตลาด 12.5% |
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 398,386 คัน ลดลง 0.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 117,708 คัน | เพิ่มขึ้น | 4.7% | ส่วนแบ่งตลาด 29.5% |
อันดับที่ 2 ฮอนด้า | 96,154 คัน | เพิ่มขึ้น | 0.4% | ส่วนแบ่งตลาด 24.1% |
อันดับที่ 3 มาสด้า | 96,154 คัน | ลดลง | 8.8% | ส่วนแบ่งตลาด 11.7% |
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 609,166 คัน ลดลง 5.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 214,672 คัน | เพิ่มขึ้น | 5.9% | ส่วนแบ่งตลาด 35.2% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 168,215 คัน | ลดลง | 5.4% | ส่วนแบ่งตลาด 27.6% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 49,842 คัน | ลดลง | 24.3% | ส่วนแบ่งตลาด 8.2% |
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 492,129 คัน ลดลง 3.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 191,669 คัน | เพิ่มขึ้น | 8.3% | ส่วนแบ่งตลาด 38.9% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 153,170 คัน | ลดลง | 5.5% | ส่วนแบ่งตลาด 31.1% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 49,841 คัน | ลดลง | 23.5% | ส่วนแบ่งตลาด 10.1% |
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 60,452 คัน
โตโยต้า 26,217 คัน – มิตซูบิชิ 13,558 คัน – อีซูซุ 9,477 คัน – ฟอร์ด 6,355 คัน – เชฟโรเลต 3,091 คัน – นิสสัน 1,754 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 431,677 คัน ลดลง 3.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 165,452 คัน | เพิ่มขึ้น | 9.6% | ส่วนแบ่งตลาด 38.3% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 143,693 คัน | ลดลง | 3.9% | ส่วนแบ่งตลาด 33.3% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 43,486 คัน | ลดลง | 21.7% | ส่วนแบ่งตลาด 10.1% |