Toyota’s Press Conference at the 2017 Tokyo Motor Show
โตโยต้า เปิดบูทงาน Tokyo Motor Show 2017 ด้วยความอลังกาล โดย มร. ดิดิเยร์ เลอรอย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของโตโยต้า ชาวฝรั่งเศล ประกาศเปิดตัวแคมเปญขององค์กร “ Start Your Impossible ” ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระดับโลกของเรา อันได้รับแรงบันดาลใจจากการเป็นพันธมิตรในระดับโลกกับการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิก
แคมเปญนี้มีชื่อว่า “ Start Your Impossible ” เป็นมากกว่าแค่การนำเอาคำสองสามคำมารวมๆ กันนี่เป็นการแสดงความรับผิดชอบเพื่อเดินหน้า “การขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” อย่างแท้จริง เรากำลังท้าทายขีดจำกัดของตัวเองเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและทลายกำแพงที่ขวางกั้นตัวเราไม่ให้ไปไกลกว่าเดิมกำแพงที่กดให้เราอยู่ใต้ข้อจำกัดทางกายภาพหรือทางสังคม ด้วยเหตุนี้เองเราจึงแสวงหาแรงบันดาลใจ จากบรรดานักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ผู้ซึ่งสามารถเอาชนะขีดจำกัดของตนเองได้ในทุกๆ วัน โดยแบกเอาความหวังและความปรารถนา…ของคนทั้งชาติเอาไว้ในเวลาเดียวกัน (มร. ดิดิเยร์ เลอรอย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของโตโยต้า กล่าวเปิดงาน Tokyo Motor Show 2017 )
คุณอากิโอะ โตโยดะ กล่าวว่า ผู้ที่เหนือกว่าผู้อื่นด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้าง “สังคมที่ดียิ่งขึ้น” จะเป็นผู้นำด้านยานพาหนะแห่งโลกอนาคต ย้อนกลับไปเมื่อปี 1937 คุณปู่ของคุณอากิโอะตระหนักได้ว่าการตอบสนองความต้องการด้านการคมนาคมของสังคมญี่ปุ่น คือหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศในตอนนั้น หลายคนพูดว่า เป็นไปไม่ได้หรอก แต่เขาและทีมงานก็ได้ริเริ่มก้าวแรก วันนี้… เรายืนอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในทำนองเดียวกัน แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ของเราตอนนี้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าในอดีต เรามองความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเสมือนโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง แต่ในขณะเดียวกันความสามารถหลักของเราที่ไม่อาจลืมไปได้เลยคือ “การผลิตรถยนต์” ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ละเลยการมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ รถเหล่านี้ก็จะเป็นเพียงแค่สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วๆ ไป เราจะไม่มีวันลืมความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างรถที่คุณจะหลงรักด้วยเหตุนี้ ตรงนั้น…ที่อยู่ไกลไปทางขวาของบูธ… คือรถต้นแบบที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อย้ำเตือนเรา ว่าถ้ารถคันใดไม่ได้มาพร้อมกับความสนุกแล้วถือว่านั่นไม่ใช่รถที่แท้จริง
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=oXKTuB0zaxw[/embedyt]
รถ GR Hybrid Sport และรถ Tj Cruiser สะท้อนความมุ่งมั่นทุ่มเทที่เรามีต่อการสร้างสรรค์รถยนต์และสื่อให้รู้ว่ามันสนุกเพียงใด ที่ได้ขับและได้เป็นเจ้าของรถยนต์สักคัน ดูอย่างรถคลาสสิกระดับขึ้นหิ้งอย่างเซ็นจูรี่โฉมใหม่ล่าสุด ที่อยู่ตรงนั้นสิแค่ได้เห็นก็หัวใจเต้นแรง รถคันนี้ถูกปรับโฉมใหม่มาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 50 ปีครับ ความรักในรถยนต์นั้นอยู่เหนือเงื่อนไขของกาลเวลาจริงๆ แต่ความทุ่มเทเพื่อการเดินทางนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่รถยนต์
สำหรับเราแล้วมันหมายถึงการขยับขยายศักยภาพของเรา ไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและการให้บริการ เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ไม่ว่าจะเป็นต่างเมือง หรือภายในห้องพร้อมมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ผมขอพูดถึงเทคโนโลยีหลักๆ 3 ด้านครับ ด้านแรกการเชื่อมโยงรถเข้าหากันด้วย Concept-i และ Crown Concept-i ที่อยู่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นแค่แบบฝึกหัดสำหรับการออกแบบหรือเป็นเพียงแค่รถคันหนึ่งเท่านั้น
แต่มันเป็นวัตถุที่งดงามซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนคู่กายในชีวิตคุณ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกัน Concept-i ไม่เพียงแต่จะปกป้องคุณด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังสามารถจับสภาวะอารมณ์ของคุณ ทำให้คุณจดจ่อกับการขับขี่ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ Concept-i ถูกติดตั้งด้วยระบบสนทนาโต้ตอบและการเชื่อมต่อ ทำให้มันเข้าใจว่าคุณชอบอะไร คุณอยากทำอะไร และสร้างความสัมพันธ์กับตัวคุณ
Concept-i ไม่ได้มาเดี่ยว
ยังมี i-Walk ซึ่งช่วยให้คุณเดินทางไปในที่ที่ไม่สามารถขับรถเข้าไปได้ แล้วก็มี i-Ride ตรงนี้ ที่แสดงให้เห็นว่าผู้คนสามารถเข้าถึงยานพาหนะส่วนบุคคลได้อย่างสะดวกสบาย เพราะ i-Ride ช่วยให้สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดายพร้อมกับรถเข็น สิ่งประดิษฐ์ต้นแบบในตระกูล i-Series เหล่านี้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ตัวเดียวกันคือ “ยูอิ” ทำให้พวกมันเป็นรถที่คุณจะรัก และยังเป็นรถที่จะรักคุณตอบด้วย มาถึงรถที่ใกล้เคียงกับที่พบเห็นในตลาดรถยนต์มากขึ้น นั่นคือรถยนต์ Crown ต้นแบบ ที่อยู่ทางด้านซ้ายของผม… รถคันนี้จะเป็นที่นิยมในบรรดารถยนต์ที่เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆ (connected cars) ในญี่ปุ่นในปีหน้าครับ
การเชื่อมต่อและข้อมูลขนาดมหาศาล จะมีบทบาทสำคัญเพื่อผลักดันให้รถยนต์สามารถทำประโยชน์ได้มากขึ้น ด้วยนวัตกรรมการบริการที่เพิ่มมูลค่า ส่งผลให้ลูกค้าและสังคมโดยรวมได้รับประโยชน์โดยทั่วกัน เรามีข้อได้เปรียบตรงนี้ ด้วยจำนวนรถมากกว่า 10 ล้านคัน และการเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างมหาศาลในแต่ละปี
ภายในปี 2020 นี้ Toyota ตั้งใจจะให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกือบทั้งหมดในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ติดตั้งโมดูลการสื่อสารข้อมูลและเชื่อมโยงเข้ากับแพลตฟอร์มการบริการด้านคมนาคมของโตโยต้าในระบบประมวลผลบนคลาวด์ด้วยเทคโนโลยีด้านที่สองที่เราเน้นคือ ระบบการขับขี่อัตโนมัติ เป็นอีกเทคโนโลยีสำคัญที่จะผลักดันให้เราประสบความสำเร็จใน “การขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” ที่โตโยต้า เราพัฒนาทั้ง
โหมด “คนขับรถ” (Chauffeur) และ “ผู้คุ้มครอง” (Guardian)
ในโหมด “คนขับรถ” (Chauffeur) รถของเราจะมีระดับความฉลาดมากพอที่จะขับรถได้ และสามารถพาคนที่ยังไม่พร้อมจะขับรถให้เดินทางไปไหนต่อไหนได้
ในโหมด “ผู้คุ้มครอง” (Guardian)… เราผสานทักษะความสามารถของมนุษย์และเครื่องจักรเอาไว้ด้วยกัน… เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น… พร้อมมอบความสนุกสนานในการขับขี่ในเวลาเดียวกัน
นี่เรียกได้ว่าเป็นระบบอัตโนมัติแบบคู่ขนาน… และเราเชื่อว่ามันจะช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีอิสระในการขับขี่… โดยพวกเขาจะรู้ว่ารถมีเทคโนโลยีที่ช่วยขับรถไปข้างหน้าให้อยู่… และพร้อมที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยในระหว่างการเดินทาง
สุดท้ายนี้ ผมขอพูดถึงการพัฒนาระบบไฟฟ้า รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของเราที่ผลิตออกมาแบบขนานใหญ่ตั้งอยู่ที่บูธของเรา… ที่นี่ในโตเกียว เมื่อ 20 ปีที่แล้ว นั่นก็คือรถพรีอุส และมันก็กลายเป็นรถ “รุ่นบุกเบิก” วงการรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เราพูดชัดเจนในตอนนั้นเลยว่าการพัฒนาระบบไฟฟ้าจะพลิกโลกการคมนาคมไปตลอดกาล
และสิ่งนั้นก็กำลังเกิดขึ้นจริงในวันนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต่างกำลังวางแผนจะเปิดตัวรถไฮบริดและรถปลั๊กอินไฮบริด เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงนวัตกรรมยานยนต์ ในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าถือกำเนิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านลบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประโยชน์จะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อรถประเภทนี้สามารถขายได้ในปริมาณมาก
วันนี้ Toyota สามารถขายรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้ง 36 รุ่นได้ในมากกว่า 90 ประเทศ โดยมียอดขายรวมอยู่ที่เกือบ 1.5 ล้านคันต่อปี อันที่จริงแล้ว ถ้าดูแค่ยอดขายทั่วโลกของรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน จะพบว่าโตโยต้ามีส่วนแบ่งตลาดอยู่มากกว่า 50% ทีเดียว เรายึดมั่นในปรัชญาที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ระบบไฟฟ้าทุกรูปแบบมาโดยตลอด เพราะเราเชื่อมั่นว่าเราควรจะต้องมีทางเลือกที่หลากหลาย… เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านพลังงานของแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน
ก้าวต่อไปของเรา คือรถยนต์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ (Pure EVs) เรามั่นใจ ว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นเราจึงเร่งการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและก่อตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับมาสด้าและเด็นโซ่ เพื่อพัฒนาโครงสร้างระบบรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อผลิตแบบขนานใหญ่ให้ประชาชนทั่วไปได้ขับขี่กันในวงกว้าง นอกจากนี้ เรายังทำการวิจัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่มาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ เพื่อมองหาจุดที่ลงตัวที่สุด… ทั้งในแง่เวลาการชาร์จและระยะทางการขับขี่ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วไปในปัจจุบันได้อย่างตรงใจจริงๆ
การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิตสเตทกำลังเดินหน้าไปได้สวยทีเดียว และเราก็กำลังมุ่งคิดค้นด้านวิศวกรรมการผลิตเพื่อจะผลิตขายเชิงพาณิชย์ให้สำเร็จภายในช่วงต้นทศวรรษที่ 2020 นี่ไม่ได้แปลว่าเราจะเลิกผลิตรถไฟฟ้าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงนะครับ ในประเทศญี่ปุ่น วันนี้เรากำลังเปิดตัวรถไฟฟ้าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง 2 รุ่นล่าสุด อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่จะสร้างสังคมที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนรถต้นแบบ Fine NCR Concept เป็นรุ่นบุกเบิกของรถไฟฟ้าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงในระดับพรีเมียม โดยมาพร้อมกับห้องโดยสารภายในที่กว้างขวาง
นอกจากนี้ยังมีรถบัสไฟฟ้าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงใหม่ เป็นวิวัฒนาการของรถบัสสองคัน ตอนนี้ใช้งานอยู่แล้วในกรุงโตเกียว เริ่มต้นในปีหน้า จะมีรถบัสแบบนี้มากกว่า 100 คัน เพื่อใช้งานในเขตตัวเมืองของกรุงโตเกียว การแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียวในปี 2020 นี้ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของเราในการแข่งขันนี้ โลกจะได้สัมผัสประสบการณ์ อนาคตของ “การขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” คุณจะได้เห็นรถต้นแบบในตระกูล Concept-i บางคัน รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับที่นั่น ทั้งยังจะมีการจัดแสดงสังคมที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน พร้อมทั้งรถไฟฟ้าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงด้วย
และ ก่อนที่จะถึงการแข่งขันทั้งสองรายการ เริ่มตั้งแต่วันนี้ คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนถนนหนทางในกรุงโตเกียวเพราะจะมีรถ JPN Taxi ที่จะต้อนรับคุณเข้าสู่ความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้…ผมขอประกาศให้ทุกท่านทราบถึงความมุ่งมั่นของเรา Toyota รักรถยนต์ครับ และเราจะสร้างสรรค์รถยนต์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อลูกค้าจำนวนมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีเปิดโอกาสให้เราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ ได้ และ ผมขอให้คำมั่นสัญญาได้เลย ว่ารถยนต์ของเรา…จะมาพร้อมกับความสนุกเสมอ เราเพิ่งจะเริ่มทำสิ่ง “เป็นไปไม่ได้” ให้กลายเป็นจริงกันนะครับ พบกันอีกครั้งในปี 2019 และ 2020 ที่กรุงโตเกียวนี้ครับ ขอบคุณมากครับ