ฟอร์ด ประเทศไทย เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในเดือนพฤษภาคมอย่างต่อเนื่อง
ฟอร์ด ประเทศไทย เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในเดือนพฤษภาคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต
ฟอร์ด ประเทศไทยรายงานยอดขายเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 3,378 คัน จากความต้องการอย่างต่อเนื่องในรถกระบะพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ และฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ รถเอสยูวี สำหรับคนเมือง ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม ฟอร์ดยังคงเดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในเดือนพฤษภาคมที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์หรือเพิ่มขึ้นอีก 1.7 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
“ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือนพฤษภาคมยังคงมีการแข่งขันอย่างสูง แต่เรายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์การพลิกโฉมตลาดในประเทศไทยด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ แบรนด์ของฟอร์ดเป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ” นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
รถกระบะพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งรุ่นเกียร์อัตโนมัติและรุ่นเกียร์ธรรมดา ทำให้ยอดขายรวมของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 1,939 คัน ทั้งนี้ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดของฟอร์ด ด้วยยอดขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 10,380 คัน
ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ รถเอสยูวี สำหรับคนเมือง สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขาย 719 คันในเดือนพฤษภาคม เนื่องมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งของผู้บริโภคที่ต้องการรถยกสูงที่มอบทัศนวิสัยการขับขี่ที่มองได้ไกลขึ้น สมรรถนะที่แข็งแกร่ง ให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม รวมถึงความคล่องตัวในการขับขี่และติดตั้งเทคโนโลยีอัจริยะ
สำหรับรถฟอร์ด เฟียสต้า ที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภค รวมถึง ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ เครื่องยนต์ EcoBoost เทอร์โบ และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มียอดขายที่โตขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเมษายน อยู่ที่ 516 คัน เครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 1.0 ลิตรในเฟียสต้า EcoBoost เทอร์โบ มอบความแรงและสมรรถนะเทียบได้กับเครื่องยนต์เบนซินทั่วไปขนาด 1.6 ลิตร พร้อมทั้งประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยมและลดการปล่อยไอเสีย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฟอร์ดได้จัดการจัดการแข่งขันทดสอบสมรรถนะและความประหยัดกับผู้บริโภค เพื่อพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านการประหยัดน้ำมันของขุมพลังเครื่องยนต์ EcoBoost เทอร์โบกับผู้บริโภคเกือบ 100 คน โดยผู้บริโภคสามารถทำอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดได้ที่ 20.37 กิโลเมตรต่อลิตร
“เราจัดการแข่งขันทดสอบประหยัดน้ำมันขึ้นโดยซึ่งเปิดให้ผู้บริโภคได้เข้าร่วม เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับสมรรถนะอันเป็นเลิศของเครื่องยนต์ EcoBoost ภายใต้กติกาการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับการขับขี่จริงในชีวิตประจำวัน ในรูปแบบที่ผู้บริโภคขับอยู่ทุกวัน” นางสาวยุคนธร สรุป