ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก กรุงเทพ – อิตาลี (Day 4)
เข้าสู่วันที่ 4 หลังจากทานอาหารเช้ากันที่โรงแรม ทุกคนพร้อมเดินทางไปในสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คแรกของทริปที่ Red land หรือ ผืนดินสีแดง ซึ่งอยู่ห่างจากเขตตัวเมืองไม่ไกล สาเหตุที่เรียกแบบนี้ก็เพราะว่าที่ผืนดินที่ตงชวนบริเวณทิวเขานั้นมีแร่ธาตุมาก จึงทำให้เป็นสีแดงและสวยงามแปลกตาอย่างที่เห็น
ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก กรุงเทพ – อิตาลี (Day 4)
พวกเราต้องขับรถขึ้นไปบนยอดเขาที่จุดชมวิวบนความสูงกว่า 1,900 เมตร ทางขึ้นเป็นลูกรังบ้าง คอนกรีตบ้าง เป็นเลนสวนค่อนข้างแคบ ทางขึ้นมีโค้งตลอดทาง แต่รถก็ผ่านไปได้ด้วยดี เรียกได้ว่าคนขับชิลแต่คนนั่งตื่นเต้น
ระหว่างทางที่ขับผ่าน วิวเริ่มสวยขึ้น รถขับขึ้นตามทางเนินเขา หลายๆ ช่วงของข้างทางเป็นเวิ้งเขา มีการทำไร่ขั้นบันไดลดหลั่นกันไป จนในที่สุดเราก็มาถึงยอด Red land จอดรถเก็บบรรยากาศกันอย่างเต็มที่ เป็นการทำไร่กันบนยอดเขาและลดหลั่นกันลงไป วิวด้านบนจะสวยที่สุด มีทั้งทุ่งสีเขียว เหลืองทอง และสีแดง สลับซ้อนกันไปอย่างสวยงาม
จากนั้นก็ได้เวลาไปต่อ วันนี้หนทางยังอีกไกลเกือบๆ 700 กิโลเมตร แต่เส้นทางขาลงก็โหดเอาเรื่องเพราะแคบ มีทางโค้ง และลาดชันเป็นระยะๆ แต่ด้วยระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือที่เรียกว่า DAC (Downhill Assist Control) ที่ช่วยควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ ทำให้ลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นและยังปลอดภัยอีกด้วย เราจึงผ่านมาได้อย่างราบรื่น
หลังจากนั้นไปทานอาหารกลางวัน ร้านนี้มีบ่อเลี้ยงปลาแซลมอนอยู่ด้านหลังด้วย ไม่ต้องสงสัยว่ามื้อนี้จะได้กินแซลมอนจีนสดๆ จากบ่อเลย และพออาหารมาเสิร์ฟก็มีจริงๆ แซลม่อนซีอิ้ว วาซาบิ แป้งขึ้นชื่อของเมือง และอีกหลายอย่าง
จากนั้นก็ผ่านตลาดท้องถิ่นที่ถนนแคบมาก มีรถม้าวิ่ง ชาวบ้านเดิน มีรถสวน จากนั้นเป็นลูกรัง ขรุขระ หลุมบ่อ เยอะมาก ก่อนจะเข้าทางปกติ ซึ่งที่นั่งของHilux Revo ให้ความรู้สึกที่ต่างไปด้วยการใช้เทคโนโลยีของเบาะนั่งในรถยนต์นั่งระดับหรูของโตโยต้า คือไม่ได้กระเด้งมาก และรู้สึกนุ่มกว่า
ไม่นานก็เข้าสู่ถนนทางด่วนสองเลนที่ตัดผ่านขุนเขาอีกครั้ง และหลายครั้งคาราวานต้องเผชิญหน้ากับการขับรถสุดเกรียนของเจ้าถิ่นที่คิดจะหยุดก็หยุด คิดจะเบรกก็เบรก คาราวานจึงต้องเบรกกะทันหัน และหักหลบอย่างฉับพลันอยู่หลายหน จนกระทั่งเข้ามาสู่ทางด่วนเพื่อจะไปเมืองเฉิงตูเสียที
ขับไปตามทางเรื่อยๆ มีแวะเข้าห้องน้ำบ้างเป็นระยะๆ สักพักก็มีรถติดยาวตรงบริเวณปั้มระหว่างทางจะไปเฉิงตู จนพบว่าข้างหน้ามีหินถล่ม ตำรวจเลยกั้นปิดทางเอาไว้ รถติดกันหลายสิบคันผ่านไปกว่าชั่วโมงจึงไปต่อได้
เราวิ่งกันตามเส้นทางผ่านเมืองเต้าถงมาเรื่อยๆ ด้วยเวลาที่ล่าช้ามาพอสมควร คาราวานจึงแวะทานข้าวกันก่อนเพื่อจะได้ไม่หิว เพราะหนทางอีกยาวไกล โชคร้ายยังไม่หมดเพราะเส้นทางที่เราจะไปมีการปิดถนนอีกทำให้ต้องอ้อมไปอีกทาง และใช้เวลานานขึ้นอีก 2 ชั่วโมง จากเดิมจะต้องวิ่ง 200 กม. เป็น 400 กม. กันเลยทีเดียว
หลังจากออกเดินทางต่อได้ไม่นาน ก็เจอฝนและลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก คาราวานจึงต้องลดความเร็วเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางทุกคน เพราะถนนค่อนข้างลื่น แต่ไฮลักซ์ รีโว่ก็ยังเอาอยู่
สุดท้ายด้วยเวลาที่ช้าไปมาก เราจึงต้องเปลี่ยนแผนย้ายไปที่เมืองยีบินแทน ซึ่งเรียกว่าปรับแผนหาโรงแรมกันหน้างานเลย ก่อนที่พรุ่งนี้จะยิงยาวต่อไปที่เฉิงตู แล้วไปนอนพักที่เทียนสุ่ย
วันนี้ถือว่าเป็นวันหฤโหดกันทีเดียวของคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เพราะเจอทั้งถนนขรุขระ ทางแคบ โค้ง ลาดชัน เจออุปสรรคจากภัยธรรมชาติทั้งหินถล่มปิดทาง พายุลูกเห็บ ฝนตก ถนนลื่น ถือว่าไฮลักซ์ รีโว่ได้พิสูจน์สมรรถนะทั้งความแกร่ง หนึบ ทนทานกันไปเลย พรุ่งนี้จะมาอัพเดทกันต่อ